| ประเด็นให้ไตร่ตรอง |
สรุปสาระ จาก Class ของ Didi Sudesh ในชั้นเรียนตอนเย็น
* 'โชคของการกลับมามีอำนาจการปกครองตนเอง'
The Fortune of Becoming a self-Sovereign (2/10/22) คลิกฟังเสียงจากชั้นเรียนในวันที่ 8/10/22
* การควงกงจักรแห่งการสำนึกรู้ในตนเอง
Spinning the Discus of Self - Realisation(7/10/22) เป็นการพูดถึงความรู้ในประเด็นที่เรียกว่า สวาดาร์ชัน จักระดารี (Swadarshan Chakradari) สวา(swa) หมายถึง ตัวตน ดาชัง(darshan) หมายถึง การเห็น นิมิตที่ตนเองเข้าไปสู่วงจรของเวลา ทำให้เข้าใจปัจจุบันเมื่อควงกงจักรของการสำนึกรู้ในตน สามารถเห็นทั้งอนาคตจนครบรอบวงจร เหมือนเป็นกระจกของความรู้สะท้อนวงจรชีวิตอย่างชัดเจน จากอดีต ตั้งแต่อยู่ในโลกวิญญาณ ลงมาสู่โลกที่มีตัวตน ตอนเริ่มต้นของวงจรเวลา นั่นคือดินแดนสุขาวดี ที่เต็มไปด้วยความบริสุทธิ์สูงส่ง เราจดจำความงามภายในนั้นได้ มากเท่าใดเราก็สามารถกลับไปมีความงามนั้นอีกครั้ง ทุกสิ่งกลับมาซ้ำรอย ด้วยการเข้าใจ จดจำ นำไปปฏิบัติ ไม่ให้จางหายไปในการลืมเลือน นี่คือการตระหนักรู้ในสิ่งที่เราเคยมีมา เราจึงมองหาเพื่อให้กลับมามีอีกครั้ง ถ้าเราไม่ได้มีสิ่งนั้นมาก่อนเหตุใดเราจึงมองหาสิ่งนั้นเล่า? ทั้งโลกเวลานี้กำลังมองหาความสงบ ความสุข ความจริงใจและความบริสุทธิ์ ดังนั้นเราต้องเพียรพยายามด้วยเหตุที่มีการย้ำซ้ำรอย การควงกงจักรบนพื้นฐานของความรู้เพียงเข้าสู่ยุคทอง ยุคเงิน ยุคทองแดงและยุคเหล็ก นั้นใช้สติปัญญาของทารก จากเหตุและผลที่เข้าใจได้ด้วยสติปัญญา แต่ความเป็นจริงแล้วการควงกงจักรแห่งการสำนึกรู้จักตนเอง คือการเชื่อว่าฉันบริสุทธิ์ ฉันเป็นดวงวิญญาณที่สงบ ฉันเห็นตัวเองเป็นเช่นนั้น ในการฝึกจิตจึงมีประสบการณ์ของคุณสมบัติของตนในการกระทำ ประสบการณ์ของคุณธรรม ในการปฏิสัมพันธ์ ที่มีความสอดคล้องกลมกลืน ของความรัก และความเคารพตนเองและผู้อื่น
การตระหนักรู้จักตนเอง หมายถึงความรู้ที่เข้าสู่ความจริงแท้ ไม่ใช่เพียงสติปัญญาเข้าใจเหตุผลแต่ทำให้เป็นจริง ยิ่งเราฝึกจิตมากเท่าใด เราจะล้ำลึกมากตามนั้น บางครั้งภายในเวลา 1 วินาที เรารู้สึกขนลุก บางครั้งเราเต็มไปด้วยความรัก มีความสุข สนุกสนาน บางครั้งมีพลังมาก บางครั้งก็รู้สึกเบื่อ จากการพบเห็นทั้งความอ่อนแอของตนและพลังจิตวิญญาณของตน ดังนั้นความอ่อนแอคือการตระหนักรู้เพื่อการเปลี่ยนแปลงตนเอง ในหลากหลายประเด็น รวมทั้งความซาบซึ้งของการเป็นลูกของพระเจ้า การตระหนักรู้จักตัวฉันเองอย่างลึกล้ำ การตระหนักรู้ว่าใครคือพระเจ้า การตระหนักรู้ถึงความสัมพันธ์ของเรากับแต่ละคน (พี่นิประมวล)
ฮาโลวีน(Halloween) คือเทศกาลปล่อยผี ถือเป็นวันปีใหม่ของชาวเซลติก(Celtic) ชนพื้นเมืองในประเทศไอร์แลนด์(Ireland) ในช่วงปลายฤดูเก็บเกี่ยว(เดือนตุลาคม) ผู้อาศัยในประเทศหนาว มักโยงความหนาวกับความแห้งแล้งและความตาย เชื่อว่าวิญญาณโดนกักไว้รวมกันรอเวลาเดินทางไปสู่โลกแห่งความตาย ชาวบ้านจึงทำพิธีจุดไฟไล่ผีที่ออกมาเยี่ยมญาติและมองหาร่างใหม่ เป็นที่เข้าใจว่าถ้าวิญญาณร้ายเห็นแสงสว่างก็ไม่กล้าเข้ามา อย่างไรก็ตามความกลัวได้กลายเป็นความสนุกสนานซึ่งปัจจุบัน เป็นประเพณีนิยมในอเมริกา ตกแต่งบ้านด้วยโครงกระดูกและฝักทอง ในเงามืดที่เป็นโซนผีมีแมลงมุมยักษ์ชักใย ปีศาจชุดดำบินกันว่อน เด็กๆ ก็สนุกกับการปลอมตัวเป็นผีร้ายหรือเป็นสัตว์ประหลาดออกไปสวมรอย เคาะตามประตูบ้าน เพื่อขอขนมมาสะสมและหลอกว่าถ้าไม่ให้จะอารวาดด้วยคำว่า Trick or Treat? บางครอบครัวเตรียมขนมมาเซ่นผีอยู่หน้าบ้านรอรับรับขบวนเด็กๆถือกระป๋อง/ถุง อย่างสนุกสนาน ... พี่หล้าได้รับแจกช็อกโกแลตจากเด็กบ้านหนึ่งโดยไม่ได้ขอ ... จึงรอเอาไปให้เด็กที่บ้านพักทาน
วันที่ 30 ตุลาคม พี่หล้าและน้องอึ่งเก็บภาพบรรยากาศของการฉลองในหมู่บ้านนันทนามาฝาก เพื่อเน้นความสำคัญของชีวิตที่เป็นจุดแห่งแสงซึ่งได้รับการปกป้องคุ้มครองให้ปลอดภัยจากผีร้ายภายในและภายนอก ขอสาธุการพระผู้เป็นเจ้าที่ทำให้เรากล้าหาญ ปราศจากความกลัว เพราะรู้ว่าไม่มีใครหลอกเราได้นอกจากตัวเราเอง
กระนั้นก็ตาม ขณะที่เราอยู่ท่ามกลางกระแสคลื่นพลังงานลบที่ไม่บริสุทธิ์ มีแนวโน้มถ่วงตกสู่ที่ต่ำ ดังนั้นการฝึกจิตสำนึกเป็นดวงวิญญาณ เป็นแสง เบาสบาย ไม่มีตัวตน จึงทำให้เราอยู่เหนือความหนักหน่วงของปัญหาต่างๆได้ แม้พลังงานลบ ที่มืดมน สับสน หวังผลร้าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเรามีจิตสำนึกเชื่อมโยงกับพลังงานสูงสุดของพระเจ้าที่บริสุทธิ์ที่สุด เราย่อมลอยตัวรอดพ้นอันตรายจากกระแสคลื่นเหล่านั้น แล้วยังให้การปลดปล่อยวิญญาณผีได้ในที่สุด
บรรยากาศ งานฮาโลวีน บ้านนันทวัน 30 ต.ค.22
ผีขาว-ผีดำรอทักทาย
ผีสาวชุดดำยาว ร่อนไปอย่างเร็วมากด้วยเสก็ดบอร์ด โดยไม่รู้ว่าไม่มีอะไรเร็วและเล็กเท่าดวงวิญญาณที่อยู่ในร่างนั้น ไปได้ทุกที่ไม่มีขีดจำกัด แค่หนึ่งความคิด
ดวงวิญญาณอาศัยในร่างส่วนกระโหลก รอการหลุดพ้น โถ! ถ้ารู้ว่าเป็นดวงวิญญาณไม่ใช่ร่างกาย ก็คงไม่โดนกักขังเช่นนี้
สุดท้าย ฮาโลวีน ก็ทำให้คิดเล่นๆ ได้
คนไม่ดี กลัวผี แล้วผีกลัวอะไร?... กลัวแสง... คุ้มกับที่เราฉลองเทศกาลแห่งแสงกันมาก่อน