Om Sweet Home บ้านโอมขอต้อนรับ
สู่การเปลี่ยนแปลงอันยิ่งใหญ่...
พฤษภาคม 2564 (ภาคสอง)




ผู้แสวงหาที่แท้จริง
True Seeker

สัจจะกล่าวว่า
ผู้แสวงหาปรากฏอยู่ในทุกรูปแบบ
และใช้ชีวิตที่หลากหลายวิธี


ภายในเดือนพฤษภาคมนี้ เรามีโอกาสต้อนรับ ผู้แสวงหาสัจจะ เข้าสู่การเดินทางผ่านกาลเวลา จากปัญญาโบราญสู่การดำเนินชีวิตสมัยใหม่... ด้วยการนำเสนอกุญแจเจ็ดดอกแห่งการรู้แจ้ง ตามจังหวะเวลาและสถานการณ์ด้วยเสียง-ภาพ และจินตนาการบนพื้นฐานของความรู้ที่เป็นสัจจะอย่างสมบูรณ์ ที่จะทำให้ผู้แสวงหากลายเป็นนักเดินทางที่มุ่งตรงไปสู่จุดหมายปลายทางของการรู้แจ้งในที่สุด

ในแต่ละครั้งที่เรานำเสนอกุญแจเจ็ดดอก เริ่มด้วยสาระสำคัญของแต่ละกุญแจตามลำดับสำหรับให้ 7 ท่าน ทำกิจกรรมที่นำไปสู่ประสบการณ์กับผู้ร่วมรายการทางบ้าน ในช่วงเวลา 30 ถึง 60 นาที ของ class ประจำวันพฤหัสและเสาร์ รวมทั้งวันอาทิตย์

ปิดท้ายด้วยภาพยนตร์สั้นๆ จากแต่ละตอน ซึ่งเป็นต้นแบบของการรวบรวม “วิถีของนักเดินทาง” (Tao of the Traveller) ซึ่ง Dr.Tamasin Ramsay เป็นผู้เดินเรื่อง ในรูปของบทกวีที่ลึกล้ำ จากบทประพันธ์ของ Sr.Barbara Ramsay ผู้เป็นมารดา (ท่านสามารถเลือกชมภาพยนตร์นี้ได้อย่างต่อเนื่อง พร้อมแปลภาษาไทยกำกับ)





2 พ.ค. กุญแจดอกที่ 1
กิจกรรม (หญิง) ให้ทุกคนเดินมารับดริสตีจากพี่หล้าในความเงียบสงบ นั่นคือประสานตาด้วยสำนึกเป็นดวงวิญญาณ พร้อมทั้งรับการแต้มติลักตรงกลางหน้าผาก อันเป็นที่ตั้งของดวงวิญญาณหรือตาที่สาม) ขณะที่เคลื่อนไหวไปอย่างมีสำนึกเป็นดวงวิญญาณ ผ่านทุกคน... โดยหันหน้าเข้าหากันและแลกเปลี่ยนดริสตีต่อกัน จบลงด้วยการนั่งโยคะเพื่อสร้างสภาพเป็นดวงวิญญาณขณะรับฟังบทแนะความคิด (คลิกรูป) และชมภาพยนตร์ วิถีของนักเดินทาง

ภาพยนตร์ วิถีของนักเดินทาง ตอนที่ 1



8 พ.ค. กุญแจดอกที่ 2
กิจกรรม (หล้า) ทำความเข้าใจบาบาในฐานะ “อัลฟ่า” โดยผู้เข้าร่วมรายการได้รับคำอธิบายถึงอัลฟ่า 18 ประเด็น เพื่อให้แต่ละคนนำมาสรุป (คลิกฟังเสียง)

ภาพยนตร์ วิถีของนักเดินทาง ตอนที่ 2
จากนั้น ชมภาพยนตร์ วิถีของนักเดินทาง ตอนที่ 2 เพื่อสรุปว่าบาบาเป็นใครในแต่ละบทบาท-สมญาที่แต่ละคนต้องการ



แนะนำกิจกรรมกุญแจดอกที่ 3
เป็นแนวทางสำหรับประชาสัมพันธ์ เพื่อสร้างประสบการณ์สำหรับกุญแจดอกอื่นๆ

9 พ.ค. กุญแจดอกที่ 3
กิจกรรม (ปุ๋ย/หล้า) ฝึกสภาพปราศจากร่าง – ในสถานการณ์โลกที่กำลังเลวร้ายลงเรื่อยๆ เราจำเป็นต้องเรียนรู้ที่จะกลับมาปราศจากร่างภายได้ใน 1 วินาทีเพื่อเตรียมตัวกลับบ้าน ในเวลานั้นเองจะไม่มีแม้กระทั่งบรรยากาศที่เอื้อต่อการมีโยคะ เช่น ไม่มีห้องที่สบาย ไม่มีไฟแดง ไม่มีเสียงเพลง และแม้กระทั่งว่าเราอาจเคลื่อนไหวทำกรรมอยู่ ณ ที่ใดก็ตาม ดังนั้นเราเพียงแต่ต้องอยู่ในโยคและรับสัญญาณจากบาบาเท่านั้น กิจกรรมในวันนี้เป็นการรับสัญญาณอย่างหนึ่งจากบาบา คือ การรับดริสตีเพื่อหลุดออกจากร่าง สร้างความรู้สึกว่าเป็นดวงวิญญาณที่ค่อยๆเบาและลอยขึ้นไปสู่โลกวิญญาณ....เราจะจดจำประสบการณ์ดริสตีของบาบาในวันนี้ เพราะในอนาคตเราจะกลายเป็นเครื่องมือของบาบาที่จะส่งดวงวิญญาณออกจากร่างอย่างสงบ ให้เขาเห็นแสงของบาบา และเห็นทางกลับบ้าน
หลังจากฝึกโยคะปราศจากร่าง พี่หล้าอ่านคำพูดที่แสนหวานของบัพดาดาเพื่อให้ลูกกลับมาปราศจากร่าง และให้ประเด็น “ความเงียบสงบ” นำไปสะท้อนความคิดเป็นการบ้าน จบด้วยการชมภาพยนตร์ วิถีของนักเดินทาง ตอนที่ 3

ภาพยนตร์ วิถีของนักเดินทาง ตอนที่ 3


สะท้อนความคิดเพื่อความเงียบสงบ (Silence Reflection)
การจะเข้าสู่สภาวะของการหลอมรวมในความเงียบสงบ เราต้องสะท้อนความรู้สึกในความเงียบสงบ...(18 ข้อ)
  1. ฉันเข้าใจคำว่า Silence อย่างไร? ฉันสามารถพัฒนาการได้รับคุณประโยชน์ของ Silence หรือไม่อย่างไร? (คำตอบ)
  2. อะไรหรือที่กันฉันไม่ให้เข้าไปสู่ความลึกล้ำที่มากกว่านี้ใน Silence? (คำตอบ)
  3. ฉันมีความผูกพันยึดมั่นเหลืออีกมากแค่ไหน ที่คิดว่าฉันเป็นใคร ฉันเป็นอะไร แทนที่จะเป็นการล่วงรู้ในสิ่งที่บาบาบอกฉันว่าฉันเป็นใคร? ฉันยังต้องการจะเป็นอะไรในสิ่งที่ฉันคิด-ฉันทำอยู่หรือ? ฉันจะให้บาบาบอกว่าฉันคือใคร (คำตอบ)
  4. เมื่อฉันตอบคำถามเหล่านั้นแล้ว ฉันมีพลังในตนเองมากขึ้นหรือไม่ในการตรวจสอบและเปลี่ยนแปลง? ฉันได้ตรวจสอบความคิดของฉันเพื่อนำความใหม่เข้ามาสู่ความคิดหรือไม่? อย่างไร? (คำตอบ)
  5. ฉันทำให้ความสัมพันธ์ในแต่ละวันของฉันกับบาบานั้นจริงแท้มากขึ้นหรือไม่? อย่างไร? (คำตอบ)
  6. ฉันได้รับอะไรจากการทำการบ้านของบาบาในปีที่ผ่านมาจนกระทั่งบัดนี้ (คำตอบ)
  7. ฉันยังปล่อยให้ความคิดสูญเปล่าและเป็นไปในทางลบหรือไม่? ทุกความคิดของฉันอยู่ในปัจจุบันไหม? (คำตอบ)
  8. ดริสตีและสายตาของฉันอยู่ในสำนึกเป็นดวงวิญญาณและบริสุทธิ์สมบูรณ์หรือไม่? (คำตอบ)
  9. ทัศนคติของฉันที่มีต่อผู้อื่นนั้นให้คุณประโยชน์ สันการ์ของฉันในการเป็นผู้ให้ คงอยู่อย่างตื่นรู้หรือไม่? (คำตอบ)
  10. ฉันคาดหวังอย่างเงียบๆในผู้อื่น ที่เขาจะให้ความรัก ความเคารพ การสนับสนุนหรือกำลังใจ หรือไม่? (คำตอบ)
  11. สภาพจิตของฉันเต็มไปด้วยความสงบและมีพลัง ที่ใครก็ตามมาอยู่เบื้องหน้าฉัน สามารถได้รับอะไรบางสิ่งหรือไม่? (คำตอบ)
  12. ฉันสนุกสนานกับแต่ละขณะ แต่ละฉากตอนของละครหรือไม่? (คำตอบ)
  13. ฉันมีศรัทธาอย่างสมบูรณ์ในตนเอง ในบทบาท ในละคร และในชัยชนะของฉันหรือไม่? (คำตอบ)
  14. ธรรมชาติและสันสการ์ของฉันบัพสมาน (สมาสกับบาบา, เสมอเหมือน, ไม่มีตัวตน, ปราศจากร่าง, มีความรักและละวาง) หรือไม่? (คำตอบ)
  15. ฉันตรวจสอบปฏิกิริยาของฉัน...ฉันเต็มไปด้วยความเมตตาในสถานการณ์ที่ปั่นป่วนหรือไม่? ฉันกระจายพลังความสงบและความเมตตาออกไปสู่ผู้อื่นหรือไม่? (คำตอบ)
  16. ฉันใช้เวลามากเท่าไหร่ที่เข้าไปสู่การฝึกฝนทางจิต ออกกำลังจิตใจของตน และจิตใจทำตามการฝึกฝนนั้นได้หรือไม่? (คำตอบ)
  17. การรับใช้ด้วยใบหน้าและจิตใจนั้นเป็นสิ่งจำเป็น แล้วสภาพจิตฉันเป็นเช่นไร? (คำตอบ)
  18. ลองเปรียบเทียบตนเองกับ บราห์มา บาบา และ มาม่า และดูสิว่าสิ่งที่ฉันจำเป็นต้องใส่ใจคืออะไร? (คำตอบ)


20 พ.ค. กุญแจดอกที่ 4
- แม่ปุ้มเกริ่นเรื่องความยุติธรรมใช้สัญลักษณ์ของตราชั่ง ที่แสดงให้เห็นความสมดุลของชีวิตมนุษย์ จากจุดเริ่มต้น จนถึงช่วงเวลาที่ผ่านไปมีความซับซ้อนของเรื่องราวและการมีปฏิสัมพันธ์กับกัน ที่ทำให้สูญเสียสัญชาตญาณที่จะทำให้ตราชั่งนั้นมีดุลย์ ทำให้เสียงสำนึก เสียงมโนธรรมนั้นหายไปก่อให้เกิดการกระทำที่เป็นบาป เพิ่มบัญชีกรรมมากขึ้นเรื่อยๆ หากเราขาดการตระหนักรู้

- ทบทวนเรื่องกรรม และกฎแห่งกรรม ที่ให้เห็นพลังของกรรม ในกฎที่ว่าเราทำอะไรไว้ ย่อมได้รับผลที่ตรงกันข้ามที่เท่ากันเสมอ และเราเป็นผู้รับผิดชอบ และเมื่อเรารู้ว่ากรรมนั้นบันทึกไว้ในจิตใต้สำนึกของเรา เราควรมีความชัดเจนก่อนที่จะกระทำอะไรเก็บเข้าไปบันทึกไว้ในบัญชีกรรมของเรา

- ดังนั้นจึงเข้าสู่กระบวนการทำความเข้าใจเรื่องความสัมพันธ์ที่เป็นวงจรของความคิด ในการสร้างกรรม ผ่านบทแนะความคิด..เพื่อที่เรานั้นต้องเพิ่มความกระจ่างชัดที่จะทำให้ตราชั่งของสติปัญญานั้นมีพลัง ที่จะอยู่ตรงกลางในการรักษาดุล ที่จะเห็นทั้งสองสภาวะว่าสิ่งใดถูก-ผิด ควรทำหรือไม่ควรทำ? แม้เพียงการสร้างความคิด ที่ให้ประสบการณ์เป็นความรู้สึก ก็ถือว่ากรรมนั้นสำเร็จแล้ว

- กิจกรรม (แม่ปุ้ม) (อ่านต่อ)

ภาพยนตร์ วิถีของนักเดินทาง ตอนที่ 4



22 พ.ค. กุญแจดอกที่ 5
พี่ศรีเริ่มด้วยละครโลก(World Drama) โลกนี้คือละคร มีดวงวิญญาณทั้งหมดเป็นนักแสดง เล่นบทบาทในละครโลกที่ถูกกำหนดไว้แล้วเป็นนิรันดร์ ไม่สูญสลาย มีระยะเวลา 5000 ปี หมุนวนไม่รู้จบ จุดจบ คือ จุดเริ่มต้น ทุกดวงวิญญาณ มีบทบาทเฉพาะตน แสดงละครที่ไม่สูญสลายและได้รับผลกรรมตามบทบาทที่เล่น ไม่มีใครสามารถเปลี่ยนแปลงได้
มี 3 สิ่งที่เคลื่อนไปด้วยกันในละครคือ
  1. ทุกๆฉากของละครที่ถูกกำหนดไว้แล้ว
  2. กฎแห่งกรรม
  3. เวลา
ละครโลกประกอบด้วย 3 สิ่ง
  1. เวทีแสดง คือ โลกวัตถุ เป็นเวทีแสดง
  2. นักแสดง คือ ดวงวิญญาณทั้งหมดในโลกเป็นผู้แสดงละคร และมีบทบาทเฉพาะตนที่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้
  3. ผู้กำกับการแสดง คือ ดวงวิญญาณสูงสุด
เมื่อดวงวิญญาณก้าวเข้ามาสู่บทบาทแรกเริ่มในละครนี้.....
ทุกดวงวิญญาณรู้ว่า “นี่คือการละเล่น .. นี่เป็นการแสดงบทบาทในละคร..” เราเล่นบทบาทที่มีขีดจำกัดนี้อย่างง่ายดาย สวมใส่เครื่องแต่งกายที่เป็นร่างกายนี้เล่นบทบาท และเมื่อบทบาทจบสิ้นลง ก็ถอดเครื่องแต่งกาย หรือ ร่างกายที่เป็นวัตถุนี้ออกไปอย่างง่ายดาย แต่เมื่อลืมว่า “กำลังเล่นบทบาทในละคร” ลืมว่า “นี่คือละคร.. นี่คือการละเล่น..” เราเริ่มคิดว่าเราเป็นในบทบาทที่เรากำลังแสดงอยู่นั้น เริ่มมีความเศร้าเสียใจ และเมื่อบทบาทนั้นจบลง เราพยายามยึดเหนี่ยวเครื่องแต่งกายที่เป็นร่างกายนี้ หรือบทบาทในละครไว้

เวลานี้ผู้กำกับการแสดงได้ลงมา ท่านมาพูดกับนักแสดงทั้งหมด มาเตือนว่าเราไม่ได้เป็นในบทบาทที่สวมอยู่ ท่านเฝ้าอธิบายว่า; ก่อนที่เราจะลงมาบนเวทีละครนี้ เรากำลังพักผ่อนอยู่ในที่บางแห่งกับท่านและคนอื่นๆ ในความสงบเงียบอย่างสมบูรณ์

ภาพยนตร์ วิถีของนักเดินทาง ตอนที่ 5


เพราะเราเล่นบทบาทในละครโรงใหญ่ หรูหรา น่าตื่นเต้นนี้ ความทรงจำถึงบ้านของเราจึงค่อยๆเลือนหายไปในที่สุด และคิดว่าเวทีละครนี้เป็นบ้านของเรา และคิดว่าเครื่องแต่งกายที่เป็นร่างกายนี้เป็นตัวเรา ลืมตัวตนที่แท้จริงของตนเอง หลงคิดว่าตนเป็นร่างกายนี้

วงจรเวลาของโลกหมุนวนอย่างไม่รู้จบ โดยใช้เวลารอบละ 5000 ปี และซ้ำเดิมทุกประการ เป็นประวัติศาสตร์และ ภูมิศาสตร์ซ้ำรอยเดิมทุกๆ วงจร (อ่านต่อ)


23 พ.ค. กุญแจดอกที่ 6
พี่อุดมเริ่มด้วย ยุคเพชร : คือ สังกรรมยุค รอยต่อเวลาของการจบสิ้นอาณาจักรนรกที่เต็มไปด้วยความทุกข์ยากสาหัสที่สุด ไปสู่อาณาจักรของสวรรค์ที่เต็มไปด้วยความสุขสมบูรณ์มั่งคั่งอย่างที่สุด รอยต่อสั้นๆของเวลาที่มีค่านี้(อมฤต)มีความสำคัญยิ่ง ล้ำค่าดังเพชร เป็นมหามงคลฤกษ์ที่สุดด้วยเพราะพระเจ้าชีวาได้นำสาส์นลงมาสู่โลกใบนี้ในวินาทีเดียวกันกับวงจรที่แล้ว บทบาทของพ่อครูและสัทกูรูได้มอบอาวุธล้ำค่า มนตราเดียวคือมานมานะบาฟ เพื่อให้ลูกๆได้รับโอกาสชำระบัญชีบาปทั้งหมดของ 63 ชาติในยุคทองแดงและยุคเหล็กให้จบสิ้นลง จนลูกๆสามารถกลับมาเป็นดวงวิญญาณที่บริสุทธิ์ที่สูงค่า สดใสแวววาวแข็งแกร่งดั่งเช่นเพชรอีกครั้ง และมีอีกสิ่งหนึ่งคือการได้โอกาสรับโชคที่มั่งคั่งสมบูรณ์พร้อมถึง 21 ชาติเกิดด้วยการเป็นผู้ช่วยพ่อในการสร้างโลกใหม่ และจบโลกเก่าของตนตามแผนการพระเจ้าหรือที่เราเข้าใจคือศรีมัทนั่นเอง ดังนั้นของขวัญหรืออาวุธที่สำคัญที่สุดสิ่งเดียวที่พ่อมอบให้กับลูกก็คือมันตราของมานมานะบาฟ ที่ลูกๆพระเจ้าจะต้องใช้ชำระบาปของตนเองให้หมดไปและมันตรานี้และใช้ทำการชาร์จไฟของดวงวิญญาณเราเข้ากับแท่นชาร์จไฟของพระเจ้าอย่างรวดเร็ว ให้แบตเตอรี่บุญของเราเต็มพอเพียงไปถึง 21 ชาติเกิด (บริสุทธิ์สมบูรณ์)และทันเวลาก่อนที่บาบาจะถอดปลั๊กกลับไป
กระบวนการอะไรเกิดขึ้นบ้างในคาบเวลาที่สั้นและสำคัญยิ่งนี้ (อ่านต่อ)


ภาพยนตร์ วิถีของนักเดินทาง ตอนที่ 6

พี่หล้า : เสริมความเป็นเพชร พร้อมยกตัวอย่างที่ชัดเจนคือดาดี้แจงกี ที่บริสุทธิ์แข็งแกร่งอย่างมากในโลกยุคสมัยนี้พร้อมเติมความรู้ทางคุณลักษณะของจิตวิญญาณกับคุณลักษณะของเพชร (4C)ดังนี้
  1. Carat : การัต น้ำหนักเพชร เกิดจากอุทิศตนต่อสัจจะ พระเจ้า ดวงวิญญาณสูงสุด
  2. Color : สี เนื้อของเพชรแท้จะไร้สีอื่นเจือปน กระจายจากจุดสีขาวไปเป็นสีรุ้ง หมายถึงจิตใจที่บริสุทธิ์ สะอาดซึ่งยอมให้แสงบาบาส่องผ่านเราออกไปได้อย่างง่ายดาย
  3. Cutting : เหลี่ยม เจียรนัย ประกาย หน้าเพชร หมายถึงการยอมให้บาบา และละคร เจียรนัยตกแต่งเราให้กลับไปเป็นเพชร
  4. Clear : ใสกระจ่าง น้ำงามไร้ร่องรอยมลทินใดใด หมายถึงไม่มีข้อบกพร่องหลงเหลือภายในจิตใจตน


27 พ.ค. กุญแจดอกที่ 7
พี่ภาเริ่มกิจกรรม ให้ผู้ฟังบอก คำพูด หรือ ภาพ ที่เกี่ยวโยงกับ การเป็นผู้ให้ในทางจิตวิญญาณ เช่น
คำพูดของดาดี้ ปรากาชมานี –“ถ้า เราว่างเปล่า เราก็ตักตวง ถ้าเราเต็มเราก็ให้ได้”
มหาสมุทร ดวงอาทิตย์ ไม่มีขีดจำกัด พร เทวดานางฟ้า บราห์มา ฯลฯ
ใน Tao of the Traveller เขาให้สัญลักษณ์ นักปราชญ์ ข้าวเต็มชาม แผนที่ ประตูไปสู่สวรรค์.... แท้จริงแล้วคำเหล่านี้ แทนด้วยสัญลักษณ์อะไรจริงๆในชีวิตทางจิตของเรา

เมื่อนักเดินทางเดินไปบนเส้นทางของราชาโยคะที่มุ่งไปให้ถึงจุดสูงสุด ด้วยสองขาของประสบการณ์ และความเข้าใจ เป็นการเปิดโลกทัศน์ทางจิตใจที่ใหม่และกว้างขึ้น จิตวิญญาณจะพัฒนาภูมิปัญญาในระดับที่ลึกและละเอียดมากขึ้น จากประสบการณ์ที่เพิ่มขึ้น ในความเป็นจริงประสบการณ์เปรียบได้กับมหาสมุทร ยิ่งเข้าไปลึกเท่าไร ก็ยิ่งดูเหมือนว่าไม่มีขีดจำกัด
การสะสมประสบการณ์ทางจิตวิญญาณนั้นทรงพลัง ละเอียดอ่อนและเต็มไปด้วยความรัก กลายเป็นศูนย์รวมของความสำเร็จ หลังจากที่ได้รับสิ่งที่มีคุณค่าทางจิตวิญญาณทั้งหมด ดวงวิญญาณสามารถไปถึง

ภาพยนตร์ วิถีของนักเดินทาง ตอนที่ 7
  • สภาพ เทวดานางฟ้า
  • สภาพคาร์มาทีท (ปราศจากบัญชีกรรม)
  • สภาพการเป็นผู้ให้คุณประโยชน์โลก
(อ่านต่อ)





ของขวัญของเวลา
The Gift of Time


ถ้าเราคิดว่าเวลาเป็นของขวัญ เรารู้ว่า เวลามีค่า เรารู้ว่าเวลามีพลัง -แต่บางทีเราคิดว่าเราได้รับมาเพียงเศษเสี้ยวที่มีขีดจำกัดของเวลา ชีวิตแต่ละชีวิตถูกจำกัดอยู่กับจำนวนของวัน ที่ประเมินค่ามิได้ แต่มีขีดจำกัด
ของขวัญที่ยิ่งใหญ่กว่า คือการรู้ว่าเรามีเวลาที่ไม่มีวันจบสิ้น
ของขวัญที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคือการเรียนรู้ว่าเราเองสามารถเป็นนายเหนือเวลา
ในความเงียบสงบและความนิ่ง เราสามารถก้าวออกจากขอบเขตของเวลาและรู้ถึง 3 ด้านของเวลา: อดีต ปัจจุบัน และอนาคต ไม่เพียงเรื่องราวของเราเองเท่านั้น แต่ประวัติศาสตร์ของทั้งโลกด้วย ในความนิ่งและความเงียบสงบ เรามาเข้าใจถึง สัจจะที่หมุนไปของวงจรเวลาอันยิ่งใหญ่
เวลาบอกเราถึงความลับของตน

เวลาเรียกเราอยู่...Time calls to us
เราเห็นเข็มนาทีและชั่วโมงจากแขนของนาฬิกาเดินไปรอบ จากกลางวัน เป็นกลางคืนและกลับมาเป็นกลางวัน เรามีประสบการณ์ว่าเวลาเคลื่อนไปอย่างไร เวลาได้บอกเราเสมอว่าเวลาหมุนไปโดยรอบ เวลาบอกเราเวลานี้ ว่าเวลากำลังบิน เรากำลังเดินสะดุดพลาดพลั้งอยู่ เวลากำลังกวักเรียกเราให้ตามทัน
เมื่อเราไม่เข้าใจว่าเวลาทำงานอย่างไร เราก็แสวงหาเพียงสิ่งที่ชั่วคราว สิ่งต่างๆที่ถูกล็อคไว้ในเวลา ได้แก่สิ่งของในครอบครองและตำแหน่ง ชื่อเสียง และเกียรติยศ ความสัมพันธ์และความผูกพันยึดมั่น สิ่งต่างๆชั่วคราวที่จะผ่านไปเมื่อเวลาผ่านไป
พระเจ้ากระซิบที่หูข้างหนึ่งของเราว่า “ลูกกำลังทำอะไรอยู่” และเวลาก็เรียกในหูอีกข้างหนึ่งว่า “เวลากำลังบินอยู่”

เวลาวิ่งไปข้างหน้า... Time runs ahead
บางทีเรารู้สึกว่าเวลาควบคุมเรา วิ่งตามเรา เราพูดว่าเราไม่มีเวลาที่จะทำในสิ่งที่เราต้องการจะทำ “เพียงเมื่อฉันมีเวลา...” แต่ละคนได้รับเวลาแต่ละชั่วโมงที่ยาวเท่ากัน ถ้าเราเลือก เราสามารถพูดว่า “ฉันจะหาเวลา” เราสามารถเป็นนายของเวลาได้ ไม่ใช่ทาสของเวลา เราสามารถพูดว่า “เวลาเป็นของฉันส่วนตัว ซึ่งสามารถ นำมาซึ่งความล้นเหลือ” ผู้อื่นสามารถได้รับคุณประโยชน์จากการที่เราใช้เวลาด้วยกันอย่างดีถ้าเราสำนึกรู้ถึงคุณค่าที่แท้จริงของเวลา

การปลดปล่อยจากอดีต... Liberation from the past
เวลาเพียงเคลื่อนไปข้างหน้า และทิ้งอดีตไว้เบื้องหลัง แต่เราก็มักลืมที่จะเคลื่อนไปข้างหน้า ออกจากอดีต ความผิดหวัง ความต้องการเปลี่ยนสิ่งที่เกิดขึ้นแล้วให้เป็นแบบอื่น ความทุกข์เก่าๆทับทวีในสำนึกรู้ของเรา เราเก็บแฟ้มแล้วแฟ้มเล่าของความทรงจำเก่าๆ บางครั้งก็กลับไปเปิดแฟ้มนั้นนี้ การได้รับการปลดปล่อยคือการปิดสวิตช์ของจิตใจจากแฟ้มเก่าๆที่จับฝุ่นเหล่านี้ใน 1 วินาที
ความเมตตากรุณาของพระเจ้าช่วยเราให้เข้าไปจัดการกับอดีต
เราสามารถที่จะได้รับรางวัลจากเวลา –ละทิ้งอดีตไว้ในที่ของมัน...ในอดีต

เป็นอิสระจากอนาคต Freedom from the Future
แม้จะได้รับการปลดปล่อยจากพันธะของเวลาในอดีต เราสามารถสร้างจินตนาการที่เป็นเช่นโซ่ตรวนผูกไว้ในอนาคต เราไม่สามารถพอใจอย่างเป็นสุขในปัจจุบัน เมื่อวิ่งตามความอยากความปรารถนา “ฉันจะมีความสุขเมื่อ...” เราพูดว่า “ถ้า เพียงแต่...” การรอคอยที่มีความกลัวและความหลอกลวง ขโมยความสุขในปัจจุบันของเราไป ด้วยศรัทธาและความมุ่งมั่นเราสามารถเปลี่ยนแปลงในปัจจุบันที่วางรูปแบบอนาคตของเราได้
อนาคตเป็นบ้านที่สร้างในวันนี้แต่ไม่สามารถอยู่อาศัยได้จนกระทั่งพรุ่งนี้ ความรักของพระเจ้าให้ความกล้าหาญแก่เราที่จะมองเห็นตนเองอย่างชัดเจน และเปลี่ยนตัวของเราเองตั้งแต่ตอนนี้

ของขวัญของเวลาปัจจุบัน The Present of the present...
ของขวัญของเวลาที่สามารถนำความสุขมาให้เราเสมอคือชั่วขณะปัจจุบัน ในการจดจำพระเจ้าและในสำนึกรู้ที่เต็มเปี่ยมของเวลาปัจจุบัน เรามีพลังเหนือเวลา เรามีความมุ่งมั่นที่จะพูดว่า “ฉันจะทำสิ่งนี้ในขณะนี้” แท้จริงแล้วไม่แม้ที่จะพูดแต่เพียงทำ ไม่มีการบอกว่าเวลากำลังจะนำเอาอะไรมา ไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นในนาทีต่อไป ไม่มีการค้ำประกันสำหรับชีวิต ดังนั้นการมีชีวิตอยู่ในแต่ละนาที ด้วยบัญชีทั้งหมดได้รับการชำระสะสาง ได้ทำหน้าที่ทั้งหมดเสร็จสิ้นแล้ว ทุกสิ่งเสร็จสิ้นคือการมีชีวิตอยู่ในชั่วขณะนี้อย่างแท้จริง ความเป็นมิตรของพระเจ้าที่มีอยู่เสมอจะเตือนเราให้ใช้เวลาปัจจุบันอย่างดีที่สุด

บทเรียนของเวลา Lessons of Time
เพื่อที่จะกลายเป็นนายของเวลา เราอาจเรียนรู้บทเรียนว่าจะชื่นชมยกย่องความมีค่าของเวลาอย่างไร เช่นที่กับของที่มีประโยชน์ เราสามารถฝึกฝนวิธีที่จะเก็บออมและใช้อย่างฉลาดในชีวิตประจำวันของเรา

เคารพเวลา Respect Time…
เมื่อเราเรียนรู้คุณค่าของเวลาของเราเอง เราก็ให้ความนับถืออย่างเป็นธรรมชาติต่อเวลาของคนอื่น
ความรวดเร็วที่ทันท่วงทีแสดงถึงกิริยามารยาทที่สูงศักดิ์ การตรงต่อเวลาคือการฝึกฝนของเจ้าชาย ด้วยความเข้าใจเวลาอย่างเป็นนาย เราสามารถแสดงความอดทนอย่างมีความรักต่อผู้เยาว์ผู้ที่ได้มีเวลามาเพียงเล็กน้อย และมีความอดกลั้นต่อผู้ชราที่ร่างกายของพวกเขาได้รับใช้พวกเขามาเป็นเวลาที่ยาวนาน
เราสามารถเรียนรู้ความอดกลั้นและความอดทนจากตัวอย่างของพระเจ้า พ่อของเราเอง

ทำให้เวลาเป็นเพื่อน Make a friend of Time
การรักษาสำนึกรู้อย่างสม่ำเสมอของเวลาปัจจุบัน คือการเป็นเพื่อนกับเวลา การอยู่ในแต่ละก้าวย่างกับการเคลื่อนไปของเวลา การอยู่อย่างพร้อมเสมอสำหรับสิ่งใดก็ตาม ที่เวลาในชั่วขณะต่อไปอาจนำมา
เวลาไม่ได้คอยเรา ดังนั้นเราจำเป็นจะต้องตื่นตัวและรักษาจังหวะเร็วไว้ให้ไปกับเวลา
ขณะที่เวลาเคลื่อนไปข้างหน้า ธรรมชาติสะท้อนเสียงของการเรียกของเวลา วัตถุธาตุเปิดเผยว่าโลกเก่าลงอย่างไร แต่เมล็ดของอนาคตมีการเพาะหว่านลงไปแล้ว
ในความเงียบสงบและความนิ่ง เราสามารถก้าวออกมาจากเวลา สังเกตดูด้วยการละวางในสิ่งที่ได้ผ่านไป แล้วอะไรที่กำลังเกิดขึ้น อะไรที่กำลังจะมาอย่างเป็นละครที่ยิ่งใหญ่ของเหตุการณ์ที่ได้เปิดเผยออกมา
ในชั่วขณะของความนิ่งเงียบนั้น เมื่อเวลานิ่ง เราสามารถเชื่อมโยงจิตสำนึกของดวงวิญญาณเข้ากับดวงวิญญาณสูงสุด เรามีประสบการณ์ของความสมใจที่ลึกล้ำและปิติสุขของการไร้เวลา ชั่วขณะของการเชื่อมโยง ที่เหนือเวลา การลิ้มรสของความเป็นนิรันดร์ และด้วยสำนึกรู้นี้ เรากลับคืนมาและก้าวกลับสู่เวลา และเข้าสู่เรื่องราวที่เราแสดงบทบาทของเราเอง

ออมเวลา Save Time
การรู้ค่าของเวลา เราสามารถเพิ่มเวลาพิเศษขึ้นโดยไม่ สูญเสียเวลาที่มีค่าของเราไป
เราไม่จำเป็น ต้องโยนเวลาของเราทิ้งไปกับเรื่องความคิดที่ไร้สาระเล็กๆน้อยๆที่ ดึงรั้งหรือหันเหเราออกไป
เราไม่จำเป็นต้องใช้เวลาอย่างสิ้นเปลืองในคำพูดที่ไม่ระมัดระวังที่เป็นเหตุของความทุกข์และการกระทำที่เป็นอันตราย ที่ - เมื่อเวลา ย้อนกลับมาสร้างความเสียใจให้แก่เรา และเรียกร้องการชดเชย ความเสียหาย เราสามารถทำการเก็บออมที่ยิ่งใหญ่โดยนำเอาความวิตกกังวลทั้งหมดและการสูญเปล่าของเวลาให้เข้ามาสู่การจบสิ้นอย่างสมบูรณ์โดยการใส่จุดหยุด เราไม่จำเป็นต้องสูญเสีย อีก 1 วินาทีของพลังงานและความเพียรพยายามในการผลัดวัน ไม่จำเป็นต้องทำคำสัญญาของการกระทำที่ผัดผ่อนไปในวันพรุ่งนี้ แทนที่จะเป็นเช่นนั้น ทำสิ่งนั้นในขณะนี้เพราะถ้าไม่เดี๋ยวนี้ก็จะไม่มีอีกเลย

การใช้เวลา...Spend time
...ในความเงียบสงบ In Silence

ขณะนี้เป็นเวลาที่จะไปอยู่เหนือคำพูด เข้าไปสู่ความเงียบสงบและมีประสบการณ์ของความงามของความสงบที่เป็นนิรันดร์ ในสภาพของจิตสำนึกนี้ แต่ละดวงวิญญาณสามารถเคลื่อนออกมาจากเวลาที่มีขีดจำกัดและพบปะกับดวงวิญญาณสูงสุดในดินแดนที่อยู่เหนือเวลา เพียง 2-3 วินาทีของสภาพที่ไม่สิ้นสุดและคงอยู่ตลอดไปนี้จะอยู่กับเราเป็นเวลาอันยาวนาน เราสามารถกลับมาจากจิตสำนึกนั้นและนำเอาประสบการณ์ของการไร้เวลา(ไม่มีจุดเริ่มต้น และไม่มีที่สิ้นสุด)กลับคืนมา เราสามารถย้อนรำลึกถึงสิ่งนี้ในเวลาใดก็ตามที่เราเลือก เพราะในเวลานั้น การจดจำพระเจ้าจะง่ายดายและเป็นธรรมชาติ

...กับตนเอง with ourselves
เวลานี้คือเวลาที่จะมองตรงเข้าไปในกระจกของหัวใจของเรา เพื่อมองเห็นอย่างชัดเจนถึงความบริสุทธิ์ของความคิดและการกระทำของเรา เป็นเวลาที่จะถามตนเองว่า ถ้าเวลาจะสิ้นสุดลงในบัดนี้ บัญชีกรรมของฉันกับทุกคนได้รับการชำระสะสางแล้วใช่ไหม ฉันได้มีความสงบภายในตนเองแล้วใช่ไหม? ฉันได้ทำให้ความสงบเป็นสิ่งของในครอบครองส่วนตัวของฉันแล้วใช่ไหม

...กับพระเจ้า with God
นี่คือเวลาที่จะใช้เวลาทั้งหมดกับพระเจ้า ตั้งแต่ตื่นขึ้นในเวลาเช้าตรู่ เพื่อหันเหจิตใจของเราไปสู่การจดจำระลึกถึงพระเจ้าอย่างสม่ำเสมอ เพื่อที่เราจะใช้ทุกเวลานาทีอย่างมีค่า เวลาที่ใช้ไปในการจดจำระลึกถึงนี้ทำให้ดวงวิญญาณอบอุ่นใจหลังจากที่ได้แยกห่างจากพระเจ้ามาเป็นเวลาที่ยาวนาน
เมื่อเราเรียนรู้ที่จะเลือกวิธีใช้เวลา เราจะกลายเป็นนายของเวลา

นี้คือความลับของเวลา The secret of time is this.
...ทุกนาที คำพูด เหตุการณ์และฉากของชีวิตทั้งหมดทำเครื่องหมายไว้อย่างชัดเจนบนเส้นของเวลาที่ติดตามกันมาฉากแล้วฉากเล่า พวกเขาทิ้งน้ำหนักลงบนเส้นเวลาจนกระทั่งโค้งงอเป็นส่วนเส้นโค้งขนาดใหญ่ และจุดสิ้นสุดทอดยาวไปสู่จุดเริ่มต้น เวลาสุดท้ายเอื้อมไปเชื่อมต่อกับเวลาเริ่มต้น อนาคตไหลไปสู่อดีต ตอนนี้เรายืนอยู่ที่ประตูซึ่งเป็นจุดบรรจบในทันทีก่อนที่จะไหลเข้าด้วยกัน หนึ่งก้าวห่างจากช่วงเวลาพิเศษที่สองเส้นเวลาจะเข้ามารวมกัน และวัฏจักรของเวลาที่ไม่เปลี่ยนแปลง ไม่สามารถเปลี่ยนได้ วงจรเวลาที่ไม่เปลี่ยนแปลงจะหมุนกลับมาอีกครั้งโดยไม่สิ้นสุด

เพิ่มเติมข้อคิด
ต่าย/อมรรัตน์ (คลิกอ่าน)
หญิง/ปุ้ม (คลิกอ่าน)
ภา/แก้ว (คลิกอ่าน)

โอมชานติ

© 2024 Brahma Kumaris Thailand. All rights reserved.