จิตวิญญาณกับภาวะวิกฤต |
กรกฎาคม 2563 |
วิญญาณในการเรียนรู้ |
การเปลี่ยนแปลงคือ กฎธรรมชาติ ซึ่งเป็นไปตามกฎการเสื่อมสลายของพลังงาน จากจุดที่มีพลังสูงสุดไปถึงจุดเสื่อมสุด
ขณะที่เห็นความก้าวหน้าด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เราก็เห็นความเสื่อมทางด้านจิตใจ
ดังนั้นดวงวิญญาณจึงมีหน้าที่เรียนรู้และเปลี่ยนแปลงให้สอดคล้อง คู่ขนานกันไปจนเกิดความสมดุลระหว่างธรรมชาติของจิตใจและธรรมชาติของวัตถุธาตุ
สำหรับโลกใหม่ที่กำลังจะมาถึง... วันนี้ฉันเข้าใจได้มากขนาดนี้ วันพรุ่งนี้ฉันจะต้องเข้าใจได้มากยิ่งขึ้น นี่คือการคิดอย่างรู้ค่าในสิ่งไหนที่ได้รับมา
เป็นวิธีที่มั่นใจว่าจะได้รับสิ่งที่มีค่ามากยิ่งขึ้นในอนาคต เราย่อมมีโอกาสเสมอในการเรียนรู้หากเราปรารถนาที่จะเรียนรู้
การเรียนรู้เช่นนั้นเป็นไปเพื่อจะดูดซับสิ่งใหม่ๆแล้วก็อยู่กับสิ่งนั้นได้ นั่นคือเป้าหมายของการเรียนรู้ที่แท้จริง.
การเรียนรู้ (Learning) มีบางสิ่งที่เอื้อต่อการเรียนรู้และบางสิ่งที่ขัดขวางในการเรียนรู้ นั่นคือความหยิ่งยโส ที่คิดว่าฉันรู้แล้ว ความคิดเช่นนี้จะหยุดยั้งการเรียนรู้ ในเวลาเดียวกันเราต้องเกี่ยวข้องกับหลายสิ่งซึ่งไม่ช่วยทำให้เราเข้าไปสู่ความลึกล้ำของสิ่งใดเลย จริงๆแล้วเราไม่สามารถจะปรับเปลี่ยนอะไรได้จนกระทั่งเราเข้าไปสู่ความลึกล้ำของสิ่งนั้น เมื่อไม่มีการเรียนรู้ก็จะไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆอีกต่อไป นั่นคือการหยุดความก้าวหน้า ความรู้ (Knowledge) ความรู้ที่แท้จริงคืออะไร หากไม่ใช่ความรู้ที่เกี่ยวกับตนเอง ผู้มีจิตใจในการสร้างความคิด ชีวิต และโลกที่อาศัยอยู่ด้วยกันขณะนี้ จริงๆ แล้ว ถ้าฉันเป็นผู้รู้ ฉันจะมีทักษะที่จะเข้าไปถึงหัวใจของสิ่งที่รู้ และใช้ชีวิตด้วยวิญญาณของการเรียนรู้จนได้รับความสำเร็จจากเอกลักษณ์ทางจิตวิญญาณของตนเอง ซึ่งทำให้เป็นอิสระจากอิทธิพลของอดีต และอยู่อย่างมีความสงบและความสุขภายในเท่านั้น เพราะความรู้ที่แท้จริงไม่ใช่เพียงเรื่องของความฉลาดในความเข้าใจด้วยเหตุและผล แต่ต้องเชื่อมโยงกับการใช้ในชีวิตประจำวัน เพื่อปรับปรุงพัฒนาทุกความคิด คำพูดและการกระทำ ให้เป็นไปโดยธรรมชาติและสอดคล้องกับกฎของจักรวาล สิ่งใดที่ผิดพลาดไปก็สามารถปรับเปลี่ยนให้ถูกต้องได้อีกครั้ง การล่วงรู้เช่นนี้ปกป้องฉันจากวิธีการคิดแคบๆ เกี่ยวกับผู้อื่น และสามารถทำให้ฉันรู้สึกมีความรักต่อทุกคน โดยไม่เสียความรู้สึกใดๆ กับสิ่งที่เกิดขึ้น เมื่อต้องข้องแวะในเรื่องราวของใคร จากความเข้าใจตนเองอย่างลึกล้ำ ตรงกันข้ามเมื่อปฏิเสธการเรียนรู้ด้วยความหยิ่งยโส สติปัญญาจะชักเหตุประกอบผลให้ตนดูดี มีชัยชนะ ในความขัดแย้งรุนแรง ซึ่งบ่งชี้ว่าฉันไม่ได้เป็นผู้ที่สามารถใช้ความรู้จริงๆ เพราะความรู้ที่แท้จริงทำให้สัมผัสกับความหวานชื่นของชีวิตด้วยความถ่อมตนอย่างนุ่มนวลอ่อนโยนมากตามนั้น การศึกษาทางจิต(Spiritual Education) การศึกษาทางจิตสอนให้เรารักษาจิตใจ ให้เป็นอิสระจากความตึงเครียดและการสั่นคลอน เนื่องจากจิตใจที่ไม่มั่นคงคือผลของการปล่อยให้ตนเองตกภายใต้อิทธิพลของสถานการณ์ที่มนุษย์สร้าง แต่สำนึกรู้ทางจิตจะทำให้เราอยู่ ณ จุดศูนย์กลางและได้รับการปกป้องจากความทุกข์ เพื่อประกาศสิทธิ์ในความสุขได้มากขึ้น และช่วยผู้อื่นให้ทำสิ่งเดียวกัน โลกขณะนี้คือซุปเปอร์มาร์เก็ตของความทุกข์ อย่าได้หาซื้ออะไร แม้กระทั่งมองหาประโยชน์จากสิ่งที่ให้โทษ การศึกษาทางจิตวิญญาณที่ดีสอนเราให้เราแยกแยะในการเลือกซื้อของ และต้องพร้อมปฏิเสธสิ่งที่ให้โทษ ให้ทุกข์ ซึ่งสามารถหลอกล่อเราได้ด้วยประโยชน์ชั่วคราว ดังนั้นจงหาซื้อไว้แต่สิ่งที่ให้ความสุขที่แท้จริงเท่านั้น... ด้วยพลังของการแยกแยะและตัดสินของสติปัญญา สติปัญญา (Intellect) สติปัญญาคือภาชนะที่รองรับความรู้ที่บริสุทธิ์ของพระเจ้า สติปัญญานั้นแตกต่างไปจากจิตใจ สติปัญญาที่สะอาดเป็นเหมือนไส้กรองให้กับจิตใจที่จะแยกแยะความคิดที่มีค่าออกจากความคิดที่ไร้ประโยชน์ ที่สามารถนำเราไปสู่การกระทำที่ให้ประโยชน์ ให้คุณค่า ดังนั้นเราต้องเพียรพยายามอย่างมากในการประหยัดพลังงาน เพื่อสามารถทำได้มากขึ้น ดีขึ้น และใช้เวลาน้อยลง ในอินเดีย สมัยก่อนแต่ละบ้านจะมีภาชนะพิเศษสำหรับใส่น้ำ สิ่งแรกที่ต้องทำทุกวันในตอนเช้าตรู่คือเอาน้ำเก่าออก และใส่น้ำใหม่เข้าไปแทน ประเพณีนี้เริ่มจากการใฝ่เรียนใฝ่รู้ด้านจิตวิญญาณ ด้วยการทำความสะอาดภาชนะของสติปัญญาในตอนเช้าตรู่ของทุกวันและเติมเต็มด้วยความรู้ที่เป็นสัจจะอย่างสมบูรณ์ พลังจิตวิญญาณ ทำให้เราละเอียดอ่อนมากขึ้น และสามารถเข้าใจเจตนาเบื้องหลังคำพูด-คำสอนที่เรียบง่าย แต่ลึกล้ำ การเปลี่ยนแปลงพัฒนาคุณภาพความคิดและชีวิตจะปรากฏให้เห็นผลได้ เพียงแต่เมื่อสติปัญญาสะอาดและเต็มอิ่มเท่านั้น เราจึงจะมอบสิ่งที่มีคุณค่าให้ผู้อื่นได้ การศึกษาทางจิตและการฝึกจิตแบบราชาโยคะ จากบราห์มา กุมารี มหาวิทยาลัยทางจิตของโลกนั้น เป็นไปเพื่อพัฒนาศักยภาพภายใน และบุคลิกภาพของความบริสุทธิ์(Personality of Purity) ให้สมบูรณ์แบบในการเป็นมนุษย์ ทุกข่ายงานทั่วโลกทุกวัน มีการเรียนรู้และเติบโต ร่วมกันในหลักสูตร ‘ราชาโยคะ’บนพื้นฐานของ 4 วิชาหลัก
มูร์ลี (Murli) แปลว่า ขลุ่ยวิเศษ(Magic Flute) หรือเสียงสวรรค์(Divine Song) เป็นที่มาของคำว่า คีตา(Gita) ชื่อเต็ม ศรีมัท ภควัตคีตา เป็นแม่ของทุกคัมภีร์ที่รวมสาระไว้ให้เราได้กลับมาศึกษาความรู้ทางจิตและฝึกจิตแบบราชาโยคะกับพระเจ้า โดยตรงในเวลาสุดท้ายของวงจรละครโลก มูร์ลีจึงเป็นคำสอนจากสิ่งสูงสุด พ่อสูงสุด ครูสูงสุด และผู้นำทางสูงสุด สำหรับลูกๆ ทางจิตของท่านได้เรียนรู้ร่วมกัน ทุกวันทั่วโลก การตระหนักรู้ในตนเอง และพ่อแม่ที่แท้จริงของดวงวิญญาณ คือการรื้อฟื้นความจำของละครโลกตั้งแต่ต้นจนจบ จากอารยธรรมสูงสุดของเหล่าเทพในสัตยุค จนถึงกลียุคที่มนุษย์ชาติต้องพบกับความล่มสลาย ประวัติศาสตร์ภูมิศาสตร์โลกมีการซ้ำรอย ดังนั้นผู้ที่เคยเป็นบรรพบุรุษในส่วนต่างๆ ของโลกได้กลับมา ใช้ชีวิตนักเรียนด้วยเป้าหมายของการหลุดพ้นและการหลุดพ้นในชีวิต ก่อนการทำลายล้างโลกเก่าเพื่อเริ่มต้นโลกใหม่
ผู้ที่ให้ความร่วมมือในเวลาที่ต้องการ จะได้รับผลตอบแทนหลายล้านเท่าจากหนึ่งเท่า
อาจารย์ได้แบ่งปันประสบการณ์การให้ความร่วมมือในงานรับใช้ หลังจากที่ได้ฟัง Murli ร่วมกัน ที่ จ.พิษณุโลก ในวันอาทิตย์ 5 ก.ค. ด้วยการกล่าวถึงชีวิตที่เป็นคนศูนย์ในช่วงศึกษาปริญญาเอกในประเทศออสเตรเลีย การทำอะไรที่บริสุทธิ์ใจจริงๆ บวกกับคุณความดีต่างๆ แม้จะทำเพียงครั้งเดียวแต่สิ่งนั้นได้ประทับไว้กับเราไปตลอดกาล เพราะทำด้วยพลังของความตั้งใจจริงๆ (พี่หล้าเสริม...หัวใจทำโดยไม่ต้องคำนวณเลย) และแน่นอนว่า ในกระบวนการนั้นมันมีความอ่อนแออยู่ เราทุกคนต่างก็มี แต่เราไม่ได้ไปตัดสินใคร บางครั้งบางจังหวะที่เราอยู่ด้วยกันในศูนย์นั้นมีประเด็นต่างๆเหล่านี้ สุดท้ายแล้วเราก็พร้อมที่จะเผชิญ และเราต้องก้าวข้ามไปให้ได้ด้วยกันด้วยเป้าหมายสูงสุดเดียวกัน สถานการณ์เช่นนี้มีตลอดเวลา แม้แต่ในศูนย์ใหญ่ๆ หรือ Senior ก็มีทุกคน เมื่อเผชิญไปพร้อมกัน ก็กลายเป็นการท้าทายที่เราจะได้เรียนรู้และเห็นความอ่อนแอที่มีในตัวเรา แม้ต้องใช้เวลาก็ตาม
ลูกรู้สึกว่าในเวลานี้ลูกกำลังกลายเป็นมนุษย์ที่สูงส่งที่สุดในยุคบรรจบกัน บาบามายกระดับจิตสำนึกให้เราเชื่อมโยงกับบาบาตลอดเวลา ตระหนักว่าเป็นเวลานี้ที่เราสามารถประกาศสิทธิต่อสมบัติทางจิตที่ไม่มีขีดจำกัดด้วยการศึกษาเล่าเรียนและเข้าถึงความรู้ทางจิต เป็นตัวของความรู้, คุณธรรม, และพลัง กลายเป็นเครื่องมือสำหรับงานรับใช้ทางจิต ทำให้บารัตและทั้งโลกกลายเป็นสวรรค์ การเพียรพยายามทำตามศรีมัทเพื่อกลับมาบริสุทธิ์ คือการอยู่ใต้ร่มฉัตรของการปกป้องคุ้มครองของบาบาสม่ำเสมอในเวลาวิกฤต.
![]() ลูกคือชีพ ชัคตี เทวีแห่งยุคบรรจบพบกัน ตามแผนของละคร ลูกกำลังกลับมาทำงานของการสร้างโลกใหม่เช่นเดียวกับที่ได้ทำเมื่อ 5000 ปีที่แล้ว ลูกมีชื่อว่า ชีพ ชัคตี ผู้ที่ได้รับพลังจากพ่อโดยการทำตามศรีมัท (หนทางสูงส่ง) การเป็น ชัคตี หรือเทวีของยุคแห่งการบรรจบพบกัน ระหว่างดวงวิญญาณมนุษย์และดวงวิญญาณสูงสุด คือการสะสมพลังของความรู้และให้ทานความรู้เพื่อให้เขาได้รับการเติมเต็ม พ่อให้ทุกสิ่งแก่ลูก เพื่อให้ลูกให้แก่ผู้อื่นด้วยเช่นกัน การช่วยพ่อชีวาสร้างโลกให้เป็นสวรรค์ ด้วยความรู้ที่กลายเป็นคุณธรรมและพลัง คือการให้พรพวกเขาด้วยสวรรค์ ชีพชัคตี ทิ้งอนุสรณ์ของการเป็นเทวี ในรูปปั้นบูชาที่ได้รับการกราบไหว้บูชา ในหนทางของความเลื่อมใสศรัทธามาในอดีต (ช่วงเวลาของยุคทองแดงและยุคเหล็ก) อันเป็นผลสืบเนื่องมา จากปัจจุบัน ในยุคเพชรหรือยุคของการบรรจบพบกันนี้ ลูกคือเทวีผู้มีพลังในการกอบกู้อาณาจักรของโลกใหม่ในยุคทองและยุคเงินท่ามกลางสนามรบของสงครามโลกในยุคเหล็กนี้อีกครั้ง
Consider yourself to be a soul and remember the Father พิจารณาว่าตนเองเป็นดวงวิญญาณและจดจำพ่อ คำสอนของบาบานั้นชัดเจน... เวลานี้ลูกได้รับตาที่สามของความรู้ที่ลูกรู้ถึงตอนเริ่ม ตอนกลางและตอนจบของโลก นี่คือหัวน้ำตาลของความรู้ แม้กระทั่งหนึ่งหยดก็หวานมาก มีเพียงคำพูดเดียวที่รวมสาระของความรู้คือ “มานมานะบาฟ” แปลว่า 'จดจำพ่อเพียงผู้เดียว' พ่อกำลังชี้หนทางไปสู่ดินแดนแห่งความสงบและดินแดนแห่งความสุขแก่ลูก พ่อมาเพื่อให้มรดกแห่งสวรรค์แก่ลูกและดังนั้นลูกควรมีความสุขอย่างมาก ตามคำกล่าวที่ว่า: ไม่มีอาหารบำรุงใดที่เสมอเหมือนกับความสุข นั้นคืออาหารบำรุงที่ทรงพลังจากความรู้ เพื่อคงอยู่ในความสุขเป็นเวลาถึง 21 ชาติเกิด ความสุขจากความรู้ของสัจจะที่สมบูรณ์นี้ จึงเป็นสิ่งรับประกันความพร้อมที่จะรับมือกับความทุกข์ที่โลกต้องเผชิญ เช่นที่บาบาให้ความสำคัญ... การหลุดพ้นที่แท้จริงเกิดจากความรู้เท่านั้น
ตามแผนของละคร ผู้คนเหล่านั้นไม่ใช้คำว่า“ละคร” พวกเขามีแผนของเขาเอง แต่ลูกของพระเจ้ากำลัง ทำตามแผนของละคร ในการการก่อตั้งโลกใหม่อีกครั้งเช่นเดียวกันกับที่เราได้ทำเมื่อ 5000 ปีที่แล้ว ทุกวงจร มีการซ้ำรอยของประวัติศาสตร์-ภูมิศาสตร์ หากเราทำตามศรีมัทเช่นที่เคยทำมาในวงจรที่แล้ว เราก็ได้รับพลังของการรู้แจ้ง พร้อมทั้งประกาศสิทธิ์ในมรดกที่ไม่สูญสลายจากท่าน นั่นคือการกลับมามั่งคั่งอย่างที่สุดด้วยเพชรพลอยแห่งความรู้ที่ไม่สูญสลาย ยิ่งซึมซับมากเท่าไหร่ ก็จะยิ่งกลับมามั่งคั่งมากเท่านั้น อะไรก็ตามที่ทำในขณะนี้เป็นไปเพื่อโลกใหม่ในอนาคต พ่อได้มาเพื่อก่อตั้งโลกใหม่และทำลายโลกเก่า ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อวงจรที่แล้วด้วยเช่นกัน พ่อมาตามแผนของละคร โดยไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้แม้เพียงเล็กน้อย อะไรก็ตามที่ได้เกิดขึ้น ไม่มีอะไรใหม่ เรื่องราวของอดีตกำลังเกิดขึ้นในปัจจุบันอีกครั้ง นี่คือการล่วงรู้รูปกาลเวลาทั้งสาม : อดีต ปัจจุบัน และอนาคต (คลิกอ่านต่อ)
ผู้ที่เต็มไปด้วยเพชรพลอยของความรู้ที่ไม่สูญสลาย สามารถมีประสบการณ์ถึงความสุขเหนือประสาทสัมผัสได้ ความรู้ราชาโยคะที่ให้โดยบาบา (พ่อสูงสุด ดวงวิญญาณสูงสุด)นั้นเป็นสัจจะที่สมบูรณ์ ที่เมื่อดวงวิญญาณใดก็ตามได้ศึกษาและนำไปปฏิบัติ จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในตนเอง ทำให้ตัวเองสูงส่ง บริสุทธิ์ มีคุณธรรม และมีค่ามากขึ้น คำสอนของท่านนั้นจึงเป็นเช่นเพชรพลอยที่มีค่าอย่างประมาณมิได้ที่ประดับตกแต่งดวงวิญญาณ (คลิกอ่านต่อ)
เวลานี้เป็นยุคบรรจบพบกันที่เป็นสิริมงคลที่สุดสำหรับลูก ลูกคือผู้ที่อยู่ในสกุลของพระเจ้า ท่านได้เปลี่ยนลูกจากศูทรให้กลายเป็นบราห์มินที่สูงส่งที่สุด จากช่วงเวลาเดียวของกัลปะนี้ ท่านมาเพียงครั้งเดียวในชาติสุดท้ายของทุกวงจร ท่านผู้เดียวผู้ชำระล้างลูกให้กลับมาบริสุทธิ์ ท่านมาสอนราชาโยคะ ให้ดวงตาที่สามของความรู้ที่เป็นสัจจะและเติมคลังสมบัติให้กับลูก เพียงด้วยการใช้ร่างสุดท้ายของลูกในเวลานี้ทำความเพียรพยายาม คือสิ่งที่มีค่าที่สุด เพราะเพียงในยุคบรรจบพบกันนี้เท่านั้นที่เราจะได้พบและทำทุกสิ่งกับท่านโดยตรง ที่จะให้ผลกรรมเป็นล้านเท่า ที่ลูกจะสามารถสัมผัสประสบการณ์ของการเป็นอิสระจากบ่วงพันธะและการหลุดพ้นในชีวิต อยู่อย่างมั่นคงในสภาพที่ไม่มีขีดจำกัดอย่างสม่ำเสมอ เพราะท่านได้มาเพื่อสอนลูกให้มีสำนึกเป็นดวงวิญญาณ คือสภาพที่ไม่มีขีดจำกัด (คลิกอ่านต่อ)
"ลูกๆบราห์มินกลายเป็นเครื่องมือที่จะเปลี่ยนแปลงทุกคน" การเปลี่ยนแปลงผู้อื่นได้นั้นขึ้นอยู่กับการเปลี่ยนแปลงตนเองก่อน ด้วยสำนึกเป็นดวงวิญญาณ เป็นสำนึกที่บริสุทธิ์ ที่อยู่กับปัจจุบันอย่างแท้จริง การจดจำระลึกถึงบาบาอย่างสม่ำเสมอนั้นไม่เป็นเพียงแค่ที่ท่านเป็นจุด แต่เราจะต้องจดจำระลึกถึงคุณสมบัติของท่านอย่างเข้าใจ ถูกต้อง และแม่นยำ อย่างที่ท่านเป็น เพื่อที่เราจะกลายเป็นเช่นนั้น การกลับมาบริสุทธิ์เช่นท่านคือกระบวนการเปลี่ยนแปลงตัวตน ที่จะส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงผู้อื่น เมื่อผู้อื่นเห็นการเปลี่ยนแปลงในบุคลิกลักษณะ และพฤติกรรมของเรา (แม้เพียงภายนอก) เราสามารถบอกประสบการณ์ที่ทำให้เราเปลี่ยนแปลง โดยที่ไม่คาดหวังว่าเขาจะเปลี่ยนตามเรา ซึ่งแต่ละคนมีเวลาของตนเองในการเปลี่ยนแปลง บางคนทันทีภายนอก หรือบางคนภายในเปลี่ยนแต่ภายนอกยังไม่เปลี่ยน หรือเขาไม่เปลี่ยนแปลงอะไรเลย ซึ่งอาจจะไม่ถึงเวลาของเขา ก็เป็นได้ (คลิกอ่านต่อ)
ลูกๆ ที่แสนหวานจงกลับมารู้คิดอย่างมากๆ การเข้ามาสู่หนทางความรู้ของสัจจะ คือการให้ความสำคัญกับเวลาที่จะสะสมสิ่งที่มีค่าภายใน แม้กระทั่งการอยู่ที่บ้านกับครอบครัวเราก็ต้องอยู่อย่างมีความสัมพันธ์ที่บริสุทธิ์ โดยไม่มีการพึ่งพิงที่ทำให้เกิดความอ่อนแอ ด้วยการใส่ใจกับการเติบโตจากภายใน และทำให้สติปัญญาสะอาด กระจ่างชัด เพื่อซึมซับความรู้ที่บริสุทธิ์ของพระเจ้าอันส่งผลต่อการพัฒนาชีวิตให้รู้คิดในเวลาวิกฤตของสถานการณ์รอบด้าน เช่น สงคราม ภัยพิบัติธรรมชาติ โรคระบาด พิษเศรษฐกิจ ปัญหาความสัมพันธ์ ฯลฯ ที่กำลังเกิดขึ้นและเพิ่มความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ การรู้คิดคือการเตรียมพร้อมที่จะตอบรับจากสภาพภายในให้ข้ามพ้นสถานการณ์ภายนอกต่างๆ เหล่านั้น ในที่สุดคือการเผชิญกับการพลัดพรากในรูปแบบต่างๆ โดยไม่พบกับความทุกข์หรือความสูญเสียใดๆ เมื่อจิตใจมั่นคงจากการเรียนรู้ที่จะดูแลเอาใจใส่ตนเอง และผู้อื่นด้วยความเข้าใจปัญหาล่วงหน้า (คลิกอ่านต่อ)
![]() ดวงวิญญาณบราห์มินทุกคน คิดว่าตนเป็นดวงวิญญาณที่สูงส่งของศาสนาโบราณดั้งเดิมที่คงอยู่ตลอดไป สิ่งนี้หมายถึงการที่ลูกคิดว่าตนเป็นดวงวิญญาณที่เลื่อมใสในศาสนาและมีความเที่ยงธรรม ![]() ลูกๆ ของผู้ประทาน ทอดสายตาของความเมตตาและกรุณาให้พี่น้องของลูก! จงเป็นผู้ให้ที่ยิ่งใหญ่ จงเป็นผู้ประทานของพร จงเป็นเพชรพลอยที่เปล่งประกายของความพอใจและทำให้ผู้อื่นพอใจ… การเป็นทุกข์(pareshaan) หมายถึงการกระทำที่ลบหลู่เกียรติและศักดิ์ศรี(Shaan) ของตน... ลูกทั้งหมดคือลูกของพระเจ้า ลูกๆ ของผู้ประทาน และทุกสิ่งที่ให้คุณประโยชน์คือสิทธิ์โดยกำเนิดของลูก เมื่อลูกเสียเกียรติและศักดิ์ศรีของตน ลูกก็เศร้าโศก ไม่มีความสุข –เจ็บปวด ![]() ลูกเคยตรวจสอบภาพลักษณ์ของลูกด้วยความตั้งใจหรือไม่? เมื่อมีการสร้างภาพลักษณ์ของเทวีทั้งหลาย เขาแสดงให้เห็นน้ำตาแห่งความเมตตาในดวงตา นั่นคือภาวะของการหลุดหายไปในความรัก เพราะเขามีความรัก ความเมตตากรุณาและความเยือกเย็นปรากฏในดวงตา และพร้อมกันนั้น ใบหน้าของเทวีก็มีสันสการ์ที่มีพลังปรากฏให้เห็นด้วยเช่นกัน This is why Alpha has to be proved and explained first เหตุนี้เอง ก่อนอื่นใด ต้องมีการพิสูจน์และอธิบาย Alpha เมื่อผู้มีตัวตน(Corporeal) และผู้ที่ละเอียดอ่อน(Subtle)ไม่สามารถเป็นพระเจ้าได้ ดังนั้น พระเจ้าชีวา ผู้ไม่มีตัวตน(Incorporeal) ท่านจะพูดโดยไม่ใช้ปากได้อย่างไร? ท่านต้องอาศัยร่างมนุษย์ผู้ที่มีประสบการณ์มากที่สุด ผู้ที่มีค่าต่อการกราบไหว้บูชามามากที่สุด ผู้นั้นคือศรีกฤษณะ เจ้าชายแรกของยุคทอง ซึ่งต่อมาแต่งงานกับเจ้าหญิงราเด้และปกครองโลก ในฐานะจักรพรรดิ จักรพรรดินี ในนามศรีลักษมีและศรีนารายัน เมื่อครบ 84 ชาติเกิดอย่างสมบูรณ์ของแต่ละวงจรของเขา พ่อ พระเจ้า ชีวาจึงเข้าไปในร่างสุดท้ายของหลายชาติเกิดของศรีกฤษณะ ท่านให้เราหาวิธีอธิบายให้ผู้อื่นเข้าใจประเด็นนี้ เพราะในที่สุดผู้คนมากมายจะมาหาลูกและเข้ามารู้จักพ่อ-ผู้สร้าง ลูกจะประกาศสิทธิ์ในมรดกของสวรรค์จากพ่อทุก 5000 ปี ลูกจึงได้ชื่อว่ามีโชคที่สุด นี่ไม่ใช่เรื่องเล็กในการที่พระเจ้ามานั่งอธิบายให้ลูกว่าท่านมาและเข้าไปในร่างของบราห์มา ซึ่งเป็นร่างสุดท้ายของศรีกฤษณะ รูปร่างหน้าตาและงานการที่ปฏิบัติเปลี่ยนไปแต่ละชาติ พ่อชีวามาในยุคแห่งการบรรจบกันของวงจร ท่านมาสอนลูกแล้วพาลูกกลับบ้านไปกับท่านก่อนที่ลูกจะลงมาสู่สวรรค์ จดจำพ่อผู้เดียวอย่างสม่ำเสมอแล้วลองพิจารณาให้ดีว่าจะเขียนเพื่อแนะนำพ่ออย่างไร ...ขอขอบคุณ...บราเตอร์ แอนโทนี่ ที่ได้แต่งหนังสือ Alpha Point ไว้อย่างปราณีตบรรจง ก่อนจะจากร่างไปด้วยความรักและศรัทธาในการเป็นเทวดานางฟ้า ด้วยเกียรติและศักดิ์ศรีของการเป็นราชาโยคีที่ลึกล้ำในปัญญา ขณะที่ทำหน้าที่ประสานงานในประเทศกรีก ตัวอย่างบริบทแรก... อัลฟ่าหรือว่าพระเจ้านั้น ไม่ได้เป็นมนุษย์ ท่านเข้ามาสู่โลกวัตถุ เล่นบทบาทของท่านและทำงานของการสร้างโลกจนเสร็จสิ้น ด้วยการใช้ดวงวิญญาณมนุษย์เป็นเครื่องมือ ประวัติศาสตร์จดจำว่าคือ อดัม มนุษย์คนแรก ตามตำนานกรีกโบราณพูดถึงสิ่งสร้างของผู้สร้างเกิดขึ้นเมื่อถึงจุดของความตกต่ำและไร้ระเบียบที่สุด สิ่งสร้างจึงได้รับการทำให้สะอาดและปลดปล่อยให้กลับเข้าไปสู่กระบวนการธรรมชาติของตนเองอีกครั้ง จนกระทั่งครบวงจรในเวลาสุดท้ายเมื่อโลกมีความเสื่อมสลายและวุ่นวายสับสนที่สุด ผู้สร้างพบกับสิ่งสร้างเพื่อชำระล้างให้บริสุทธิ์และเริ่มต้นใหม่ตามวงจรของธรรมชาติ ซึ่งเรียกว่า ‘จังหวะของจักรวาลที่เป็นนิรันดร์’ (The eternal rhythm of the Universe) แสดงให้เห็นถึงการต่อเนื่องในรูปของการซ้ำรอยของวงจรเวลา เวลา (Time) เองนั้นเรียกว่าภาพสะท้อนที่เคลื่อนไหวของความเป็นนิรันดร์และความเป็นนิรันดร์ก็แทนด้วยวงจรซึ่งใช้สัญลักษณ์ของความไม่มีที่สิ้นสุด ไม่มีขอบเขตที่เรียกว่า Infinity หรือ Alpha (α) ที่ใช้กันมาในภาวะของอนันตภาพ วงจรของชีวิตมนุษย์เริ่มจากจุดอัลฟ่า (Alpha Point) หมุนเต็มรอบแล้วต้องกลับมาสู่จุดเริ่มต้น ตอนจบและตอนเริ่มพบกันใน Alpha จากจุดของการพบปะอันเป็นนิรันดร์นี้มีกระบวนการชำระล้างให้บริสุทธิ์และการกลับสู่สภาพเดิม อัลฟ่าคือจุดของการจากและการกลับคืนมา จุดอัลฟ่า สามารถเรียกได้ว่าพระเจ้า-ผู้สร้างหรือดวงวิญญาณสูงสุด เพียบพร้อมและคงอยู่ได้ด้วยตนเองอย่างเป็นอิสระ ดังนั้นไม่ว่าท่านจะใช้พลังงานมากเท่าใดในการทำให้โลกกลับสู่สภาพเดิมก็ไม่เคยหมดลดหายไปได้ พลังของท่านไม่มีขีดจำกัดและในกรณีนี้จึงเรียกว่า Infinite ไม่มีสิ้นสุด ไม่สามารถประมาณได้ (คลิกฟังต่อ) ![]() If they don’t understand the first aspect of Alpha, they will not understand anything else. First of all, make Alpha firm for them. Don’t move on to any other subject till then. ถ้าเขาไม่เข้าใจแง่มุมแรกของอัลฟ่า เขาจะไม่เข้าใจอะไรอื่นได้ เริ่มแรกทำให้อัลฟ่ามั่นคงสำหรับเขา ไม่เช่นนั้นก็อย่าเพิ่งเข้าไปสู่หัวข้ออื่นใด ในด้านภาษา เราสามารถเห็นการเกี่ยวโยงของ อัลฟ่า ซึ่งเป็นอักษรตัวต้นในภาษากรีก ตรงกับตัว a มีสัญลักษณ์ α แทน infinity หรือความเป็นนิรันดร์ เช่นคำกล่าวที่ว่า เขารู้พงศาวดารของคุณแต่ต้นจนจบ He knows your history from alpha to omega. เมื่อ alpha คือจุดเริ่มและจุดจบ มาจากคำว่า Allep, Allah ที่แปลว่า ผู้แรก ผู้เดียว. เราสามารถเข้าใจความหมายจากมูร์ลีที่ว่า... 'เมื่อลูกรู้จักพ่อ ลูกจะรู้จักทุกสิ่ง ซึ่งก็ยากนักที่จะมีใครรู้จักพ่ออย่างที่พ่อเป็นได้อย่างถูกต้อง แม่นยำ' การใช้ชีวิตนักเรียนในมหาวิทยาลัยทางจิตนี้จนกระทั่งลมหายใจสุดท้าย จึงเป็นการเตรียมพร้อมสำหรับความคิดสุดท้ายที่จะนำไปสู่จุดหมายปลายทาง เนื่องจากทุกความคิดของเรากำหนดชะตาชีวิตของตนเอง เมื่อคิดถึงพระเจ้าผู้มีพลังบวกและความเป็นกลาง เราก็สามารถอยู่อย่างเป็นอิสระจากความเป็นลบ แม้ในด้านกายภาพก็เข้าใจได้ว่า Alpha rays คือละอองของธาตุฮีเลี่ยม ซึ่งปลิวออกมาจากธาตุเรเดี่ยม เป็นรังสีที่มี proton (+ve) และ neuton(เป็นกลาง) อย่างละ 2
เป็นการตระหนักรู้จักดวงวิญญาณสูงสุด ท่านคือพ่อและแม่ เราคือลูกของท่าน ผู้คนเรียกท่านด้วยชื่อที่หลากหลาย แต่ท่านเป็นเพียงหนึ่งเดียว รูปของท่าน คือจุดที่แสนเล็ก เป็นแสงที่เปล่งประกาย ท่านคือมหาสมุทรแห่งความรู้ คุณธรรม และพลัง ท่านคือดวงวิญญาณเดียวที่บริสุทธิ์เสมอ ความรักของท่านปราศจากเงื่อนไข เป็นความรักที่คงอยู่ตลอดไป ท่านไม่เคยหันห่างไปจากลูก เปิดหัวใจให้ท่านเพื่อพบกับความเป็นนิรันดร์ในความสัมพันธ์กับทุกสิ่ง พ่อแม่สูงสุด หรือจุดอัลฟ่า จึงย้ำไว้ในคำสอนของท่านให้เราไตร่ตรองอย่างลึกล้ำ
![]() (คลิกฟังแปลไทย) การเผชิญความกลัวตาย - ความสามารถในการเผชิญกับความตายขึ้นอยู่กับสภาพของเรา ยิ่งเรามีความผูกพันยึดมั่นต่อร่างของเรา ร่างของผู้อื่น หรือสิ่งต่างๆมากเท่าไร เราก็จะกลัวตาย กลัวสูญเสีย และทุกข์ทรมานมากตามนั้น นี่คือสภาพที่สั่นคลอน ในฐานะที่เป็นบราห์มิน เราควรฝึกฝนอยู่อย่างปราศจากร่าง เป็นเทวดานางฟ้า จดจำระลึกถึงบาบาเสมอ อุทิศทุกสิ่งให้บาบา ไม่มีอะไรเป็นของเรา เป็นผู้สังเกตการณ์ที่ละวาง แล้วสภาพของเราจะมีพลัง มั่นคง ไม่สั่นคลอน ละเอียดอ่อน...ในเวลาสุดท้ายเราจะสามารถให้นิมิตแก่ผู้ภักดีได้ เขาจะเห็นเราเป็นเทวดานางฟ้า หรือ เทพพิเศษของพวกเขา การเผชิญการทำลายล้าง - บาบาได้บอกเราทั้งหมดเกี่ยวกับการทำลายล้าง ยกเว้นวันที่เกิด ไม่ว่าจะเป็นภัยพิบัติทางธรรมชาติ ทั้งแผ่นดินไหว น้ำท่วม ภูเขาไฟระเบิด วัตถุธาตุทั้ง 5 จะปั่นป่วนในเวลาเดียวกัน, โรคภัยไข้เจ็บต่างๆ, ระเบิดปรมาณู, สงครามกลางเมือง หรือ แม้แต่จะอดอาหารตาย ทุกสิ่งจะเกิดพร้อมกันในทั้ง 5 ทวีป ขึ้นอยู่กับเราอยู่ในประเทศไหน จะเจอเหตุการณ์แบบใด...ในเวลาสุดท้าย เราต้องมีพลังของการเผชิญ กล้าหาญ และมีศรัทธาในบาบาผู้เดียว การเผชิญดารามราช - บาบาได้บอกเราให้มีความระมัดระวังที่จะไม่ทำกรรมที่เป็นบาป ไม่ทำให้ใครเจ็บปวดทั้งความคิด คำพูด การกระทำ มิเช่นนั้นแล้วเราจะมีประสบการณ์กับการลงโทษจากดารามราช การลงโทษสำหรับเราเกิดขึ้นก่อน ณ ที่นี่ ในรูปของความทุกข์ทรมานทางร่างกาย จิตใจ ความสัมพันธ์ หรือ การเงิน เป็นต้น ดังนั้นเราควรจะรีบชำระตั้งแต่ตอนนี้ด้วยพลังโยคะ ไม่จำเป็นต้องรอไปสะสางในอาณาเขตของดารามราช หรือ หากไม่ว่าอะไรเกิดขึ้น นั่นก็มีคุณประโยชน์ ดารามราช คือ ผู้พิพากษาสูงสุด เป็นรูปของพลังงานอีกด้านหนึ่งของพระเจ้า ที่ทำหน้าที่อย่างเที่ยงธรรมในอาณาเขตที่ละเอียดอ่อนในการตัดสินพิพากษาจากบัญชีที่ดวงวิญญาณมี ว่าเขาได้สร้างกรรมที่เป็นบุญมากเท่าไร สร้างทายาทหรือปวงประชาเท่าไร กรรมที่เป็นบาปของเขาเป็นเช่นไรฯ มีเพียง 8 ดวงวิญญาณเพชรพลอยเท่านั้น ที่ไม่มีการถูกลงโทษผ่านดารามราช พวกเขาจะกลายเป็นส่วนหนึ่งของคณะลูกขุนในศาลพิเศษ เพื่อการตัดสินคดี รวมถึงผู้ดูแลภูมิภาค(RC) ผู้ดูแลประเทศ(NC) ก็จะร่วมตัดสินด้วย (คลิกอ่านต่อ)
ชีวิตโยคีของ Didi Manmohini โดย Didi Sudesh ![]() (คลิกฟังแปลไทย)(บ้านสินธุแปล) ประวัติดีดี้มานโมฮินี ดีดี้ไปทำบุญในหลายๆ แห่ง แม้จะอยู่ในครอบครัวที่มั่งคั่ง เป็นที่เคารพและมีชื่อเสียง แต่ไม่ได้สัมผัสถึงความสุขใดๆ ทางโลก ท่านชื่อโก๊ปปี้(ผู้มีความสุข) ท่านมีความรักต่อโก๊ปปี้มาก และรู้สึกว่าท่านคือโก๊ปปี้ที่แท้จริง มีประสบการณ์ดึงดูดพิเศษเมื่อแม่ของท่านไปยังชุมนุม และหลังจากนั้น ท่านไปชุมนุมและนั่งเบื้องหน้าบราห์มาบาบา ได้ประสบการณ์พิเศษจากการได้รับดิสดี โดยไม่ได้รับทราบว่าบราห์มาบาบาพูดอะไร ท่านเห็นแต่กงจักรแห่งแสงหมุนอยู่รอบๆหน้าผากของบราห์มาบาบา ท่านรู้สึกแต่ว่าอยากจะมาศึกษาความรู้ทางจิตนี้ ท่านสามารถเข้าถึงความรู้นี้เป็นอย่างดี เมื่อบราห์มาบาบาเขียนภาพสามโลก (โลกวัตถุ โลกละเอียดอ่อน โลกวิญญาณ) และอธิบายความรู้ต่างๆให้ ทั้งมีการกำหนดให้ปฎิบัติพรหมจรรย์ และอยู่อย่างบริสุทธิ์ ดีดี้มีความยินดีเป็นอย่างยิ่ง แม้ว่าสังคมต้องให้สตรีอยู่ในครอบครัว การถือพรหมจรรย์ของท่าน กลายเป็นอุปสรรคอย่างยิ่งจากครอบครัวและสังคม ด้วยความคิดที่มุ่งมั่นและศรัทธาที่ไม่สั่นคลอนที่จะยืนหยัดอยู่ในหนทางที่บริสุทธ์นี้ ในที่สุดแม่ของท่านก็ได้ช่วยให้ท่านออกมาจากความก้าวร้าวของสามี แล้วเข้ามาอยู่ในชุมนุมเพื่อศึกษาเล่าเรียนเป็นอย่างดี ท่านกลายเป็นหัวหน้าของการดูแลสตรีและครอบครัวที่มีปัญหาด้านการก้าวร้าวรุนแรงจากสามีหรือการต่อต้านจากครอบครัวทางโลก ต่อมาเมื่อบราห์มาบาบาได้อุทิศทรัพย์สมบัติทั้งหมดของท่านเพื่อก่อตั้งมหาวิทยาลัยจิต โดยมอบหมายให้ผู้เป็นแม่และกุมารีเป็นผู้ดูแลสมบัติทั้งหมด หนึ่งในนั้นก็คือดีดี้มานโมฮินี ผู้ได้รับความไว้วางใจและความเชื่อถืออย่างยิ่ง ท่านรับผิดชอบในการหาทำเลที่ตั้งใหม่ของมหาวิทยาลัยในอินเดียและเลือกที่ภูเขาอาบูเป็นที่ตั้งจนถึงปัจจุบัน ดีดี้เป็นผู้ที่เฉลียวฉลาดมากเป็นผู้รับใช้ที่ไม่รู้เหนื่อย ท่านไปเปิดศูนย์รับใช้แรกในเดลีและเป็นมือขวา หรือผู้ช่วยของมาม่าจนกระทั่งมาม่าได้ละร่างในปี 1965 ดีดี้กลายมาเป็นมือขวาของบราห์มาบาบาจนกระทั่งท่านได้ละร่างไปในปี 1969 สุดท้ายท่านร่วมบริหารสถาบันนานาชาตินี้กับดาดี้ประกาชมณี ทุกครั้งที่มาชั้นเรียนท่านจะมีสมุดโน้ตเพื่อจดบันทึกอย่างตั้งใจ แม้ท่านจะเป็นผู้นำแต่ท่านเต็มไปด้วยความถ่อมตน ไม่มีความยโสใดๆ ความฉลาดในสติปัญญา และพลังอำนาจในการแยกแยะ ผู้คนที่เห็นพฤติกรรมหรือการสนทนาเพียงสั้นๆ ทำให้ท่านสามารถช่วยเหลือดีดี้ด้วยความเรียบง่าย การสละละทิ้งและความถ่อมตน ผู้ที่ต้องการการหล่อเลี้ยงด้วยหัวใจด้วยความรัก ท่านโอบอุ้ม แสดงความรู้สึกเปิดเผยจริงใจในความสัมพันธ์ระหว่างดวงวิญญาณที่เต็มไปด้วยความบริสุทธิ์ ดีดี้เป็นตัวของคำพูดที่ว่า 'เวลานี้ต้องกลับบ้าน' ก่อนที่ท่านจะละร่างไปเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 1983
![]() ศรีมัท คือการกำหนดที่สูงส่งของบาบา ระเบียบวินัย คือสิ่งที่เราต้องทำในชีวิตประจำวัน เพื่อเป็นโยคีที่ดีขึ้น มารยาด้า คือสิ่งที่ช่วยเรา มีความสำคัญในการมีสายใยความสัมพันธ์กับทุกคน เป็นการกำหนดที่ให้โดยบราห์มินที่เป็นซีเนียร์ บาบาเน้นย้ำอย่างมากๆ เกี่ยวกับศรีมัทที่จะให้มี
เรื่องของกรรม.. เราได้มีปฏิสัมพันธ์กับทุกคนตลอดเวลา เราถูกผูกไว้..เมื่อเกิดมาในครอบครัวเราต้องมีบัญชีกรรมกับเขาไม่ว่าจะเป็นเพื่อนฝูง ญาติมิตร คู่ชีวิต ครูของเราไม่ว่าเราจะเข้ามาสู่ความสัมพันธ์กับใครก็ตาม..เจ้านาย หรือคนที่เราต้องทำงานด้วย เราต่างก็มีบัญชีกรรมกับเขา ไม่ว่าจะได้รับความสุขหรือความทุกข์ก็ตาม นี่คือบัญชีของชาติเกิดที่ผ่านมา - บัญชีในชาติเกิดนี้ เราอาจสร้างบัญชีกรรมจากการให้และการรับ ไม่ว่ากรรมใดก็ตามที่เราทำ อะไรก็ตามเราก็จะได้รับผลของสิ่งนั้น ทำกรรมที่เป็นบุญโดยธรรมชาติ เธอให้ความสุขกับคนอื่น เธอก็ได้รับความสุข และด้วยการล่วงรู้ปรัชญาแห่งกรรม เราต้องทำกรรมที่เป็นบุญและสูงส่ง เราต้องเปลี่ยนสันสการ์ของเราจากไม่บริสุทธิ์ให้บริสุทธิ์ และนั่นคือเป้าหมายของเราที่จะชำระล้างให้บริสุทธิ์ บาบามาเพื่องานนี้เป็นพิเศษขอจงให้ความใส่ใจ ตรวจสอบตนเองด้วยความมุ่งมั่นและด้วยพลังโยคะ เปลี่ยนแปลงสันสการ์ของตัวเราเอง อย่าได้ลืมเป้าหมายว่าเรามาที่นี่เพื่อเปลี่ยนสันสการ์ (คลิกอ่านต่อ) ตัวอย่าง ถาม-ตอบ
![]()
ก่อนเดินทางทั้งสอง Sister ได้แบ่งปันประเด็นมูร์ลีด้วยวิญญาณของการเรียนรู้ และแรงบันดาลใจในการเข้าสู่สนามงานรับใช้ โดยไม่มีเงื่อนไข (คลิกฟังเสียง) ![]() Sr.Prajwa ถาม Sr.La มา เรื่องความรับผิดชอบต่อค่าใช้จ่ายในการเดินทางครั้งนี้ ทั้งๆที่รู้ว่า Sr. Shanti จ่ายให้แทน แต่ยังต้องการนำเงินไปใส่กล่องบาบา Sr.La จึงให้นำไปใส่ที่ศูนย์สุขุมวิทแทนการโอนเงินมาให้ศูนย์นี้ เมื่อไม่ต้องการติดหนี้กรรมที่ต้องชำระภายหลัง ควรจะระวังทุกครั้ง ให้ทุกฝ่ายเข้าใจร่วมกันเรื่องกฎแห่งกรรมอย่างชัดเจน โดยไม่มีอะไรติดค้างในใจ... นอกเสียจากว่าผู้นั้นเป็นเครื่องมือที่อุทิศตนอย่างสมบูรณ์ แล้วระมัดระวังเรื่องการให้และรับอะไรเป็นส่วนตัว (คลิกอ่านคำสนทนาทาง LINE) Birthday Experience Sr.Prajwa แบ่งปันประสบการณ์ 'วันเกิด' (คลิกฟังเสียงแปลไทย) ![]() ![]() (คลิกอ่านต่อ) ![]() Bk Prajawal (Sneha) Sr.Shanti แบ่งปันประสบการณ์ของการสัมผัสพลังของบาบามากเกินกว่าจะบรรยาย (Sr.Prajwa ถอดข้อความออกมาเป็นภาษาอังกฤษ คลิกอ่านต้นฉบับภาษาอังกฤษ) (คลิกฟังเสียงแปลไทย) ![]() ![]()
![]()
คุณสมบัติของ ดีดี้มานโมฮินี
![]() |