![]()
เราได้สรุปข้อคิดของความสงบเงียบจากดาดี้แจงกีผู้นำของบราห์มา กุมารีไว้ เพื่อเน้นความสำคัญของรายการ ‘7 วัน ในความมหัศจรรย์ของความสงบเงียบ’ “ทำไมความสงบเงียบจึงสำคัญต่อการเดินทางของจิตวิญญาณ? ในความสงบเงียบ เราสามารถเห็นสิ่งต่างๆ เกี่ยวกับตนเองมากมาย ไม่เพียงสิ่งที่มาจากโลกภายนอก เราสามารถพูดกับตนเองอยู่ภายใน เราดึงหูตนเองได้ เพื่อให้ไปถึงเป้าหมายสูงสุดในการใช้ชีวิตทางจิตวิญญาณ การเข้าไปสู่ความสงบเงียบหมายถึงเข้าไปสู่การสำรวจตน ทุกสิ่งนั้นชัดเจน เราสามารถแยกแยะว่าอะไรเกิดขึ้นในหนทางที่เราเพียรพยายามอย่างเต็มกำลังเพื่อที่จะไปถึงบ้าน หากเรามีคำถาม ความสงสัย หรือคิดว่า ‘จะลองดู’ เราจะมีอุปสรรคของมายาที่ล่อลวงให้เราออกนอกเส้นทาง บางครั้งเราอาจเร่ร่อนไปในหนทางอื่นๆ หากเราเพียงแต่จดจำบ้านสูงสุด ในโลกที่ไม่มีตัวตนเราจะมีประสบการณ์ในการพบพระเจ้าในบ้านแห่งความสงบที่แสนหวานนั้น ความสงบเงียบทำให้เราลืมทุกสิ่งรวมทั้งร่างกายของเรา เป็นการเตรียมพร้อมสำหรับเวลาที่เราต้องจากร่าง ถ้าเราไม่ได้ฝึกฝนความสงบเงียบด้วยสำนึกของการเป็นดวงวิญญาณในเวลานี้ แล้ว เราจะติดกับอยู่ในร่างนั้น และดวงวิญญาณก็จะจากไปในสภาวะที่ต้องเร่ร่อนไปทั่ว นี่คือสิ่งที่ต้องใช้ปัญญาในการคิดว่าตนเป็นดวงวิญญาณและจดจำพระเจ้า ดวงวิญญาณสูงสุด ผู้ไม่มีตัวตน ที่คงความบริสุทธิ์เสมอ ในความสงบเงียบไม่มีการกดเก็บหรือกันอดีตออกไปโดยไม่สนใจ เราจำเป็นต้องเข้าใจในทุกฉากทุกตอนของละครที่ผ่านมาในอดีตโดยเฉพาะอย่างยิ่งในปัจจุบันที่มีเราบทบาทพิเศษสุด ไม่ว่าอะไรเกิดขึ้นเราต้องอยู่ในความสงบ เรารู้ว่าความคิดใดก็ตามที่สร้างขึ้นมา จะมีการหล่อเลี้ยงความคิดนั้น ให้ขยายตัวขึ้นมา เป็นเรื่องใหญ่เป็นเรื่องยากยิ่งขึ้นที่จะเงียบสงบได้ ดังนั้นเราต้องใส่ใจที่จะไม่สร้างความคิดที่ไม่ดีที่ทำให้ตนเองต้องทุกข์ระทม ในราชาโยคะ เรากล่าวว่า “ขอให้สิ่งสร้างนั้นสวยงามอย่างมากจนกระทั่งผู้คนจดจำผู้สร้างจากสิ่งสร้างนั่นเอง” แต่ละบทบาทนั้นพิเศษสุด ดังนั้นจงทำงานของเราและอยู่อย่างสงบ แล้วเราจะสามารถทำในสิ่งที่พระเจ้าขอให้เราทำได้ ไม่เช่นนั้นท่านจะไม่สามารถใช้เราได้เลย เราจำเป็นต้องเข้าไปสู่ความลึกล้ำภายใน เข้าไปสู่ใจกลางมหาสมุทรและค้นพบเพชรพลอย อย่าเพียงแต่เล่นกับเปลือกหอยบนพื้นผิว หอยนั้นเป็นสิ่งเกิดขึ้นตามธรรมชาติ ไม่มีใครสร้างขึ้นมา แต่เราจะมีความรักในคุณค่า ที่เกิดจากการสร้างขึ้นมาด้วยการเข้าไปสู่ความลึกล้ำภายใน ด้วยความสงบเงียบนั่นเองเราจะพบเพชรพลอยที่สูงค่า โอมชานติ” วันที่ 1 พุธ 4 พ.ค. ฝึกฝน การสำรวจตน คลิกอ่านประสบการณ์ 'ปุ๋ย' วันที่ 2 พฤหัส 5 พ.ค. ฝึกฝน การอยู่เหนือทุกสิ่ง
พี่หล้าเล่าประสบการณ์ชีวิตทางจิต เริ่มจากการเรียนรู้ในวัฒนธรรมญี่ปุ่น วัฒนธรรมอินเดีย วัฒนธรรมอังกฤษ ที่มีผลต่อการสร้างวัฒนธรรมบราห์มินในที่สุด
![]() วันที่ 3 ศุกร์ 6 พ.ค. ฝึกฝน การกลับมาปราศจากร่าง คลิกอ่านประสบการณ์ 'พี่ภา'
เสาร์ 7 พ.ค. ฝึกฝน ‘ความเงียบสงบ’ คลิกอ่านประสบการณ์ 'พี่ศรี'
วันที่ 5 อาทิตย์ 8 พ.ค. ฝึกฝนการอยู่อย่างไม่มีตัวตน คลิกอ่านประสบการณ์ 'เหมียว'
วันที่ 6 จันทร์ 9 พ.ค. ฝึกฝน การอยู่อย่างละวาง คลิกอ่านประสบการณ์ 'พี่ธร'
วันที่ 7 อังคาร 10 พ.ค. ฝึกฝน การทำข้อสอบสุดท้าย เราเริ่มต้นชีวิตในเวลาอมฤต(ตี 4) ด้วยการพิจารณา 'ข้อสอบสุดท้าย' ที่บาบาให้ลูก เตรียมตัวสำหรับความวิกฤต (คลิกอ่านบทสรุปจากมูร์ลี)
เนื่องจาก ‘ราชาโยคะ’ คือ ความสัมพันธ์กับสิ่งสูงสุด เพื่อเชื่อมโยงกับสิ่งที่ดีที่สุดและ สร้างความสัมพันธ์ที่ดีที่สุดกับมวลมนุษย์ ในสำนึกที่ถูกต้อง หลังจากรับบทเรียนพื้นฐาน 7 บทแล้ว เรามีการรับฟังคำสอนของสิ่งสูงสุด หรือมูร์ลี พี่หล้าได้แบ่งปัน วิธีการรับฟังคำสอนมูร์ลีและวิธีการไตร่ตรองเพื่อให้เกิดความลึกล้ำในความสัมพันธ์ –การนำไปปฏิบัติ-การเชื่อมโยงกับความเป็นจริง อาทิเช่น ยุคทอง มีแต่ทองคำซึ่งเบามาก ดังนั้นทุกสิ่งอื่นยิ่งเบากว่าทองเช่นที่บาบาได้ให้นิมิตของอนาคต เราได้ลองฝึกฝนในห้องเรียน โดยที่แต่ละคนดึงประเด็นจากมูร์ลี มาหนึ่งคำ หนึ่งบรรทัด และนำไปแบ่งปันกับผู้ที่นั่งใกล้กัน แลกเปลี่ยนความหมาย มีการเชื่อมโยงกันด้วยความเข้าใจว่าทุกสิ่งนั้นเอื้อหนุนเชื่อมสัมพันธ์กันได้ นั่นคือ การทำให้เกิดวงจรชีวิตที่ซ้ำรอยและคงอยู่ตลอดไป
2). แรงจูงใจ พี่หล้าแบ่งปันสาระของ แรงจูงใจจากหนังสือของบราเตอร์แอนโทนี่ เพื่อนำประสบการณ์ของความสงบเงียบ จาก 7 วันที่ผ่านมาไปใช้ในการดำเนินชีวิตประจำวัน ที่ต้องรับผิดชอบต่อครอบครัว อาชีพการงาน และสังคมด้วยพลังทางจิต คลิกอ่าน แรงจูงใจ
พี่หล้าย้ำความสำคัญของการทำทุกกิจกรรมร่วมกันด้วยเป้าหมายในการพัฒนาคุณภาพของความสัมพันธ์ที่บริสุทธิ์ กับทุกคนจากการมีบาบาเพียงผู้เดียวในหัวใจ เนื่องจาก โยคะ คือ ความสัมพันธ์ซึ่งรวมเจ็ดประการนี้ไว้พิจารณา หนึ่ง ความสัมพันธ์คือการผสมผสานของสาระ การบูรณาการ ความเหมือนโดยเฉพาะอย่างยิ่ง มิตรภาพที่อยู่บนพื้นฐาน วิสัยทัศน์ของความทัดเทียมและความรัก ซึ่งมีการเพิ่มคุณค่าของตนเองขึ้นมาอย่างสม่ำเสมอ สอง ความสัมพันธ์คือมิตรภาพซึ่งไม่เพียงแต่เพิ่มแต่แบ่งปันให้ทวีคูณขึ้นมาหล่อเลี้ยงสิ่งที่ดีที่สุด ไม่มีการลดลงไปหรือว่างเปล่าเนื่องจากเหตุของความเคารพมากเกินไปจนปล่อยให้เกิดปัญหาดังกล่าว สาม ความสัมพันธ์ที่แท้จริงให้เกียรติในการดำรงชีวิตอยู่ของแต่ละบุคคล ดังนั้นผลตามมาจึงไม่ควรมีความตกต่ำที่เกิดจากความผูกพันยึดมั่นใด ๆ สี่ ความสัมพันธ์ที่เต็มเปี่ยมด้วยความรัก คือความปรารถนาที่ลึกล้ำที่สุดในดวงวิญญาณมนุษย์ เป็นประสบการณ์และการแสดงออกที่ให้ความหมายและความเต็มอิ่มต่อชีวิต ความสัมพันธ์เช่นนั้นดลใจเราให้ไปถึง ความสุขที่สูงสุดและพัฒนาศักยภาพที่ลึกล้ำที่สุดของเรา ห้า ความสัมพันธ์ที่ไม่เห็นแก่ตัว ทำให้เกิดความพอใจโดยธรรมชาติที่มีชีวิตชีวา ผลของความรักที่แท้จริงทำให้มีพฤติกรรมที่เป็นธรรมชาติโดยไม่มีการคิดคำนวณหรือการชั่งตวงใด ๆ หก การรักษาสายสัมพันธ์ที่จริงแท้เราไม่จำเป็นต้องลำบากตรากตรำ สิ่งที่จำเป็น คือการมีความซื่อสัตย์ต่อตนเองและต่อกันและกัน พระเจ้ารักเราอย่างที่เราเป็น ด้วยเงื่อนไขเดียวที่เราต้องเตรียมตัว คือการมีความใสกระจ่างและซื่อสัตย์กับท่าน เจ็ด ความสัมพันธ์กับพระเจ้าไม่เคยทำให้เกิดการพึ่งพิง ไม่ได้เป็นการเติมสีสันของความเป็นเจ้าของ การเรียกร้องหรือความคาดหวังใดๆ ไม่เคยต้องทำให้เรารู้สึกไม่ดีพอ ถ้าเราไม่ได้เป็นไปตามที่คาดหวัง พระเจ้ามีศรัทธาในศักยภาพของเรา ท่านให้อิสรภาพแก่เราและทำให้เรานั้นอยู่อย่างเป็นไท ไม่ขึ้นอยู่กับสิ่งใด ![]() |