![]()
เชียงใหม่ คือจุดนัดพบระหว่างวันศุกร์ที่ 9 ถึงวันจันทร์ที่ 12 มิ.ย. 59
ประกาศนียบัตรทั้งสามของ ‘ความพอใจ’ ณ บ้านพี่แดงใกล้หมู่บ้านบ่อสร้าง ครอบครัวทางจิตได้ใช้เวลาอยู่ร่วมกัน เพื่อเรียนรู้ที่จะสร้างความพอใจในสายสัมพันธ์ และได้รับประกาศนียบัตรทั้งสามจากมหาวิทยาลัยทางจิตของโลก ที่สอนให้เราอยู่กันแบบครอบครัว ซึ่งเริ่มจากการเปลี่ยนแปลงตนเองให้เกิดความพอใจภายใน ตามมาด้วยการมีความพอใจในครอบครัวที่ส่งผลให้พ่อ-แม่สูงสุดของเราพอใจเราอย่างแท้จริง จากคุณสมบัติที่สำคัญ ท่านทำให้เราเห็นทุกขั้นตอนของความเพียรพยายาม เมื่อความพอใจในตนเองเป็นรากฐานที่สำคัญที่สุด เราต้องมีสติปัญญาที่แยกแยะให้ได้ว่า อะไรคือการทำตามใจตนเอง(Manmat) การทำตามใจผู้อื่น (Parmat) และการทำตามหนทางสูงสุด(Shrimat)ที่ท่านกำหนดไว้ให้ทุกคนได้รับการปลดปล่อยจากบ่วง-บาปทั้งหลาย ผู้ที่ชอบตามใจตนเองก็จะตามใจผู้อื่นเพื่อเป็นที่ยอมรับ หรือหวังผลตอบแทน เพราะขาดความรัก – ความเคารพตนเอง ผู้ใดทำตามพระเจ้าได้ คือผู้ที่ซื่อสัตย์ในการชี้หนทางของการหลุดพ้นแก่ทุกคน เพราะเขาอยู่เหนือความต้องการส่วนตน แม้ต้องผจญกับปัญหาความไม่พอใจหรือแรงต้านเพราะเสียผลประโยชน์ใดๆ อย่างไรก็ตาม ผู้ที่ได้รับประกาศนียบัตรของความพอใจในตนเองนั้นต้องไม่เพิกเฉยต่อการรักษาสมดุลของ 4 วิชาที่มหาวิทยาลัยของพระเจ้านี้สอนไว้ ความเป็นบวก (Positivity) คือหลักประกันในปัญญาของผู้ที่สร้างความพอใจจากภายในที่แท้จริง ด้วยสำนึกของการเป็นดวงวิญญาณ ส่วนผู้ที่จะได้รับประกาศนียบัตรของความพอใจจากผู้อื่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในครอบครัวทางจิต ที่ต้องร่วมชะตากรรมในการสร้างสมคุณธรรม ชำระกิเลสนั้น ขึ้นอยู่กับความเคารพในบทบาทของกันและกัน ด้วยความเข้าใจและยอมรับว่า ไม่มีใครเล่นบทบาทแทนใครได้ ไม่มีอะไรต้องเปรียบเทียบแข่งขัน ทุกบทบาทนั้นมีค่าต่อการอยู่ร่วมกันในสวรรค์ ซึ่งต่างลำดับกันของความเคารพนี้ สุดท้าย การได้รับประกาศนียบัตรจากพระเจ้า เราต้องอยู่บนฐานของสัจจะ มีความสะอาด บริสุทธิ์ และซื่อสัตย์ในทุกการกระทำ เนื่องจากว่าไม่มีอะไรซ่อนเร้นได้จากสัจจะ ทุกสิ่งเปิดเผยตนเองในเวลาที่ถูกต้อง ผู้มีสัจจะไม่ต้องการพิสูจน์ตนเอง แม้แต่ใช้กลไกใดปกป้องตนเอง จึงมีคำกล่าวว่า “พระเจ้ารักผู้ที่หัวใจซื่อสัตย์” ความบริสุทธิ์และความซื่อสัตย์ของเขาเองจะปกป้องเขาให้ปลอดภัยในการประสานรอยร้าวทั้งหมดที่เกิดมาจากความหลอกลวง ในสายใยความสัมพันธ์ต่างๆ เพื่อใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันในสัตยุค หรือยุคแห่งสัจจะ
พลังความเป็นบวกจากดาดี้แจงกี ...พลังความเป็นบวกเป็นเสมือนแบตเตอรี่ของดวงวิญญาณ ที่จะช่วยปกป้องเราจากสิ่งชั่วร้ายทั้งหมด เป็นเหมือนแสงสว่างท่ามกลางความมืดมิด หากเราได้จดจ่อกับแสงภายในของเราให้ส่องสว่าง เพื่อก่อให้เกิดพลังงานทางจิตวิญญาณที่เป็นบวกเพื่อช่วยเหลือผู้อื่นได้ ความรู้สึกที่บริสุทธิ์ต่อผู้อื่นนั้นจะทำให้เราได้รับพรจากเขาโดยอัตโนมัติ ด้วยความรู้ทางจิตจะทำให้เราเห็นความเป็นลบอย่างชัดเจนแต่เรายังคงรักษาสายตาที่เป็นบวกต่อผู้คนได้ เราจะรู้สึกว่าไม่จำเป็นต้องเก็บความบกพร่องของใครไว้ในหัวใจและจิตใจ เพราะการคิดเกี่ยวกับสิ่งนั้นหรือการซุบซิบนินทาในสิ่งใด ก็ถือเป็นการล่วงละเมิดต่อผู้อื่นด้วยเช่นกัน แม้กระทั่งการมีความคิดเชิงวิพากย์วิจารณ์ต่อผู้อื่นก็ ก่อให้เกิดการแทรกแซงความสามารถของเราที่จะคงอยู่ในการเชื่อมโยงกับพระเจ้า ดังนั้นผู้ที่มีปัญญาและมีความเข้าใจจะไม่เป็นเหตุของความทุกข์ให้กับใคร และเรียนรู้ที่จะไม่ให้ความทุกข์กับตนเอง เขาคือผู้ที่มีความสัมพันธ์ที่จริงแท้กับพระเจ้า จึงเรียนรู้ที่จะมีสายตาของความเป็นบวกที่ไม่เคยหยุดยั้งต่อครอบครัวมนุษยชาติเช่นเดียวกันกับพระเจ้า แม้จะตระหนักได้ว่าความอ่อนแอได้แทรกซึมในดวงวิญญาณมนุษย์ทั้งหลาย แต่พระเจ้าผู้ทรงอำนาจท่านทำให้เรารู้ว่าสิ่งนั้นไม่ใช่ตัวตนที่แท้จริงของพวกเขา สำหรับประกาศนียบัตรที่สอง คือ ความพอใจจากผู้อื่น (ครอบครัวของพระเจ้า)ด้วยการให้ความนับถือและรับความนับถือ" ต่อกันและกัน พลังของความเคารพตนเองจากดี้แจงกี ...ความเคารพตนเองทำให้เรามีความปรารถนาดีและความรู้สึกที่บริสุทธิ์ต่อผู้อื่น ทำให้เราตระหนักถึงความรักที่ลึกล้ำที่พระเจ้ามองดูเรา ด้วยการมีสำนึกของการเป็นดวงวิญญาณ เราสามารถจะดึงความรักและพลังมาสู่ตนเอง คงอยู่อย่างมีความรักสำหรับทุกคนและเปิดใจในการเปลี่ยนแปลงแก้ไขความผิดพลาดของตน เราเพียงต้องมีศรัทธาและไว้วางใจที่จะก้าวหน้าไปด้วยกัน ผู้ที่คงความเคารพตนเองจะไม่คาดหวังสิ่งใดจากใคร เพียงแต่ยอมรับในผู้อื่น ไม่ใช่ว่าจะต้องเห็นพ้องต้องกันในทุกเรื่อง แต่ให้ความเคารพและนับถือต่อกันและกัน ด้วยสัจจะ ความรัก และศรัทธา แล้วเราจะได้รับความร่วมมือ .... ประกาศนียบัตรที่สาม คือ ความพอใจจากพระเจ้า เพื่อที่จะเป็นที่ชื่นชอบโดยพ่อ จดจำไว้ว่า "พระเจ้ามีความพอใจกับหัวใจที่ซื่อสัตย์" ไม่ว่าลูกจะเป็นอะไร ความจริงแท้และความซื่อสัตย์ของลูกจะชนะหัวใจพ่อได้ พลังความซื่อสัตย์จากดาดี้แจงกี.... ความซื่อสัตย์ให้พละกำลังอย่างมากกับดวงวิญญาณที่ความผิดพลาดจะไม่เกิดซ้ำอีก ความซื่อสัตย์นำเราไปสู่ความสนใจต่อการให้และรับพร มากกว่าที่จะให้และรับความทุกข์ ความซื่อสัตย์จึงเป็นเหมือนยาถอนพิษของสำนึกที่เป็นร่างที่ทำให้เราติดกับอยู่ในความหลอกลวง ด้วยการมองใบหน้าของเราในกระจกหัวใจของพระเจ้า สิ่งนั้นจะเปิดเผยความอ่อนแอให้เราได้ขจัดออกไป ผ่านการมีโยคะกับท่าน กระจกได้รับการทำความสะอาด และเราสามารถมองเห็นภาพลักษณ์ที่สวยงามของเราได้ พระเจ้า สร้างชีวิตของเราบนพื้นฐานของสัจจะ เพราะท่านคือสัจจะ พลังงานของท่านจะไหลรินมาสู่เราได้ต่อเมื่อเราคงอยู่อย่างสะอาดและมีหัวใจที่ซื่อสัตย์ ฉันต้องตรวจสอบตนเอง เปิดหัวใจของฉันว่ามีสิ่งใดหรือใครนอกจาก พระเจ้าผู้เป็นที่รักเดียวของฉัน ถ้าฉันต้องการให้ผู้ให้ความอบอุ่นของหัวใจอยู่ในนี้ ฉันต้องคงอยู่อย่างซื่อสัตย์ที่จะเก็บรักษาหัวใจให้มีเพียงท่านเท่านั้น....
ความรู้ โยคะ สร้างสมคุณธรรม และทำกิจกรรมให้ประโยชน์ต่อตนและทุกคน
![]()
วันแม่ของชาวโลก 24 มิถุนายน เป็นวันสากล ที่เราระลึกถึงแม่ของชาวโลก ‘Mama’ (มาม่า) ผู้ทิ้งอนุสรณ์ของวัฒนธรรมอันสูงส่ง ในการใช้ชีวิตที่มีค่าต่อการกราบไหว้บูชา เจ้าแม่ต่างๆ ตราบจนกระทั่งเวลาปัจจุบัน
ปัญญาและความสมดุลย์ 29 มิถุนายน 2559 บราเตอร์ชาลี บรรยายในหัวข้อ "งามด้วยปัญญา ให้คุณค่าชีวิตที่มีดุลย์" ที่อาคาร "Wisdom Plus"
![]() 1.งาน 2.ครอบครัว 3.ตนเอง สิ่งใดหรือที่เราเพิกเฉย ละเลย? มีใครเห็นด้วยมั้ยว่าเราละเลยตนเอง ทำไมเราทำเช่นนั้น เพราะว่าถ้าตัวฉันเองมีการเติมเต็มสมบูรณ์ งานก็จะดีไปด้วย ครอบครัวก็จะมีความสุขไปด้วย และความสุขหมายถึง ทั้งสามส่วนได้รับการเติมเต็ม ชีวิตที่สมดุลหมายถึง ฉันกำลังมีความก้าวหน้าทั้งในชีวิต ครอบครัว การงานและตนเอง ทำไมเราจึงมีประสบการณ์ ของความกดดัน เมื่อเราเพิกเฉยต่อด้านใดด้านหนึ่ง ถ้าใครคนหนึ่ง ไม่มีความสุขกับชีวิตแต่งงานหรือชีวิตครอบครัว เขาก็สูญเสียสมดุลของชีวิตการงานและชีวิตตนเอง ถ้าฉันเองไม่มีความสุข ฉันเองก็ชดเชยด้วยการขาดความสมบูรณ์ของการงานและครอบครัว จิตวิญญาณหมายถึงการให้ความสมดุลที่เท่ากันของทั้งสามด้าน การที่จะมีสมดุล ฉันต้องการ ปัญญา 3 รูปแบบ ฉันต้องการ IQ หรือความสามารถทางด้านสติปัญญา ทำให้ฉันพัฒนาด้านอาชีพ มีรายได้สำหรับการดูแลชีวิต แต่เมื่อฉันวิตกกังวลหรือตึงเครียด เมื่อมีความกลัว ความสามารถด้านสติปัญญานี้ก็จะช่วยไม่ได้ สำหรับครอบครัวแล้วฉันต้องการ EQ หรือการบรรลุภาวะด้านอารมณ์ เป็นปัญญาที่ทำให้เราเติมเต็มความสัมพันธ์กับผู้อื่น เราไม่สามารถเรียนรู้ปัญญานี้จากมหาวิทยาลัยได้ เป็นการได้มาจากการสร้างและรักษาความสัมพันธ์ด้วยวิธีการตอบรับความสัมพันธ์กับพวกเขา EQเป็นปัญญาที่จะสร้างความรักกับผู้อื่น สำหรับตนเอง ฉันต้องการ SQ หรือปัญญาด้านจิตวิญญาณ –ในการสร้างความรักกับตนเอง ความสัมพันธ์แรกของชีวิต คือกับตนเอง ถ้าปัญญานี้มีมลภาวะหรือเสียไป ทั้งชีวิตก็จะเสียไป เรามีความมั่นใจในตนเอง ที่จะทำสิ่งต่างๆในโลก อาจเป็นความเชื่อมั่นที่จะพูดกับผู้คนในโลกที่จะตั้งบริษัทหรือบริหารจัดการบริษัท แต่ไม่ได้หมายความว่าฉันจะชอบสิ่งที่ฉันเป็น มีการเชื่อมโยงอย่างมากมาย ระหว่างฉันเป็นใครกับฉันทำอะไร ฉันมีความสำเร็จในการทำหลายสิ่งหลายอย่างแต่ไม่ค่อยมีความสำเร็จในการที่ฉันเป็นใครเพราะฉันไม่ค่อยมีความสุข นี่คือวิกฤติของสังคมมนุษย์ ฉันกลับไปหาจากข้างนอกแทนที่จะหาจากภายใน....ฉันต้องเรียนรู้การฝึกจิต เมื่อมีการฝึกจิตประจำวัน ฉันจะรู้วิธีรักตนเอง ฉันต้องดูแลหัวใจของฉันด้วยเช่นกัน เมื่อหัวใจเต็มไปด้วยความรัก ก็เป็นการง่ายในการเป็นฉัน และการมีทัศนคติที่ดีต่อผู้อื่น เต็มไปด้วยความเมตตาและความเข้าใจ เป็นสิ่งสำคัญในการหล่อเลี้ยงโลกภายในของตน นี่คือเป้าหมายของความผ่องแผ้วทางจิตวิญญาณ... ผู้บริหาร Wisdom Plus บอกประสบการณ์ของการมาพบกับ บราห์มา กุมารี "เชื่อว่าจะมีดวงวิญญาณบุญ ในชุดขาวนี้มาช่วย" เราจึงใช้โอกาสนี้ที่พี่น้องทีมงานทางจิต ในการไขความลับ 7 สิ่งมหัศจรรย์ของ Wisdom Plus ที่เกี่ยวโยงกับปัญญาและภาวะสุขภาพและความงาม 1. ปัญญา ( ฝน) 2. ชุดสีขาว: (พี่ศรี) 3. ดวงวิญญาณบุญ(เหมียว) 4. สุขภาพ (ปุ๋ย) 5. ความงาม (ปุ้ม) 6. สีม่วง (นุ๊ก) 7. นกฟินิกซ์ : วิหคเพลิง(เก๋) |