![]()
บนเส้นทางของความสงบภายในสู่สันติภาพโลกที่แท้จริง เราคือผู้สร้างความสงบโดยไม่ต้องเปลี่ยนสถานที่ เพียงแต่เปลี่ยนจิตสำนึก และมุ่งตรงไปสู่โลกแห่งความสุข ในยุคแห่งสัจจะ ด้วยการเดินตามรอยเท้าพ่อทางจิต บราห์มา บาบา ผู้ก่อตั้ง บราห์มา กุมารี มหาวิทยาลัยทางจิตของโลก ท่านให้แรงบันดาลใจแก่ลูกๆทางจิตในการเปลี่ยนแปลงจิตสำนึกให้ละเอียดอ่อน เช่นเทวดานางฟ้าเพื่อเตรียมตัวกลับบ้านที่ไม่มีตัวตนของดวงวิญญาณ ดินแดนเหนือเสียง (นิพพาน) ![]() ในเวลาของการสร้างโลกใหม่ พร้อมกันกับการทำลายล้างโลกเก่า คือเวลาของการสร้างสมคุณธรรมและชำระกิเลสของผู้นำทางจิตวิญญาณ ตราบจนกระทั่งละครโลกปิดฉาก และเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง ![]() ![]() ![]() ![]()
![]() ผู้สร้างความสงบรู้ว่า ถ้าสำนึกของเขาไม่มีความสงบ เขาจะไม่สามารถทำหรือพูดด้วยความรัก ความรักจะฉายแสงจากหัวใจไปสู่โลก เราคือแหล่งของความรักในโลก คุณภาพของความรักเกิดจากความตั้งใจเบื้องหลังทุกความคิด คำพูด การกระทำ รักแท้ไม่คาดหวัง ไม่มีความอยากปรารถนาเพื่อตนเอง ตัวเราคือความรักอย่างแท้จริง ความรักอันตรธานไปเมื่อเราพยายามที่จะเป็นใครบางคนที่เราไม่ได้เป็น เราน่ารัก เป็นที่รักและได้รับความรัก เวลาที่ให้ของขวัญแห่งความรักคือเวลาที่เราเชื่อมโยงกันด้วยความตั้งใจที่จะเอาใจใส่ผู้อื่นและพร้อมเสมอที่จะช่วยเหลือเขาอย่างเต็มกำลัง ![]() ผู้สร้างความสงบรู้ว่า ผู้นำทางที่แท้จริงในชีวิตคือสภาพของ “ความจริงแท้” ภายในที่ความสามารถแยกแยะสิ่งถูกจากสิ่งผิด สัจจะ ไม่เปลี่ยนแปลง รวมถึงว่าเราเป็นใคร และเหตุใดเราจึงอยู่ที่นี่ เราเป็นชีวิตทางจิตที่คงอยู่ตลอดไป เป็นอมตะ เราอยู่ที่นี่เพื่อสร้างเรื่องราวชีวิตที่พิเศษสุดของตนเองในชาติเกิดนี้ ถ้าเราทำสิ่งนี้โดยปราศจากความหลงทะนง ไม่ใช่พยายามที่จะเป็นใครบางคนนอกเหนือไปจากตนเองที่แท้จริง เมื่อทำสิ่งนี้ในความสงบ ด้วยความรัก เราจะรู้สึกเบิกบานอย่างยิ่ง เวลาของการให้ของขวัญแห่งสัจจะคือเวลาของการเป็นตัวตนที่แท้จริง ไม่หลบซ่อนสิ่งใด อยู่อย่างโปร่งใส เปิดกว้าง ตลอดเวลา กับทุกคน คำว่า ”ตลอดเวลา” นั้นท้าทาย ![]() ความสุข คือผลของการมีการกระทำที่ถูกต้องในเวลาที่ถูกต้อง ด้วยเหตุผลที่ถูกต้อง ความปิติสุข คือความสุขที่ยิ่งใหญ่ที่สุด เมื่อเป็นอิสระจากการยึดมั่นในความเชื่อ, ความอยากปรารถนา, ความคาดหวัง, ความหลอกลวง การอยู่อย่างพอใจ การสร้างความสุข และการเชื้อเชิญความปิติสุขให้กลับมา คืองานประจำวันที่แท้จริงของผู้สร้างความสงบ เวลาที่ให้ของขวัญแห่งความสุข คือเวลาที่เราสามารถอยู่อย่างพอใจ แม้ท่ามกลางความไม่พอใจของผู้อื่น...เวลาเมื่อเราสามารถทำให้ความร่าเริงของเราเป็นแสงสว่างในความมืด ของผู้ที่โศกเศร้า เวลาที่เราสามารถช่วยผู้อื่น ด้วยรอยยิ้ม และทัศนคติที่เป็นบวก ขณะที่เขาต้องเผชิญกับความปั่นป่วนที่สุด ![]() ความบริสุทธิ์ไม่ใช่กระบวนการชำระล้าง แต่เป็นการทำความสะอาดความเชื่อที่เป็นพิษ และสิ่งหลอกลวงที่บั่นทอนความสามารถที่จะอยู่อย่างสงบ และความสามารถที่จะให้ด้วยความรัก ความบริสุทธิ์จะดึงดูด แต่ไม่เกาะเกี่ยวเหนี่ยวรั้ง ความบริสุทธิ์จะเยียวยา โดยไม่ทิ้งรอยแผลเป็นไว้ ความบริสุทธิ์จะให้พลัง โดยไม่ติดหนี้กรรมใดๆ และความบริสุทธิ์ จะไม่ปฏิเสธความไม่ดีทั้งหลาย เห็นเพียงแต่ความดีที่งดงามของผู้อื่น ความบริสุทธิ์นั้น คือ ของขวัญ เมื่อเรามั่นคงในความซื่อตรง และเมื่อเจตนาที่บริสุทธิ์ บวกสายตาที่บริสุทธิ์ จะกลายเป็นกำแพงของโลกที่สงบ ![]() ผู้สร้างความสงบรู้ว่า ความเมตตากรุณาที่แท้จริงคือความรักที่ปรากฏให้เห็นได้ขณะที่ผู้อื่นมีความทุกข์ทรมานมีความที่เป็นศัตรูและต่อต้าน หัวใจที่เมตตากรุณามองเห็น ความทุกข์ทรมานของผู้อื่นโดยที่ตนเองไม่มีความทุกข์ทรมาน นี่คือความสามารถที่เกิดจากความเห็นอกเห็นใจและความเข้าใจ หัวใจสามารถรู้จักความเมตตาเพียงเมื่อจบสิ้นการตัดสินและการกล่าวโทษ ความเมตตากรุณา คือ สาสน์แห่งความหวังสำหรับผู้สิ้นหวัง คือ การแสดงความเอาใจใส่ต่อผู้ที่ไม่ระมัดระวัง คือการแสดงความรักที่ทำให้หัวใจของผู้คิดว่าความรักหายไป เบาสบาย เวลาที่ให้ของขวัญแห่งความเมตตากรุณา คือเวลาที่เราเข้าไปช่วยเหลือผู้อื่น นั่งกับเขา รับฟังเขาด้วยหัวใจ และพร้อมเสมอสำหรับผู้อื่นแม้ขณะที่ยุ่งอยู่ ![]() ผู้สร้างความสงบรู้ว่า ความปราณีแม้น้อยนิดที่สุด ทำให้ผู้อื่นสามารถสัมผัส มองเห็น และเปลี่ยนมุมมองและโลกของเขาได้ แต่เจตนานั้นรู้สึกได้ในระดับลึกกว่า จึงประทับไว้ในหัวใจของผู้อื่น ขณะที่ปลดเปลื้องความเจ็บปวดของตนเอง ผู้ปราณี เป็นอิสระจากการคาดหวังทั้งหมด นี่คือภาษาของความรักที่แท้จริง ส่วนผู้ปราณีที่ไม่เห็นแก่ตัว เป็นอิสระจากความอยากทั้งหมด นี่คือภาษาของบุญที่แท้จริงเพราะเป็นพลังในการเปลี่ยนมุมมองที่ไม่ดีของผู้อื่นและทำให้หัวใจที่กระด้างที่สุดนุ่มนวลขึ้น เวลาที่ให้ของขวัญแห่งความปราณี คือเวลา เมื่อเราให้ แล้วเป็นอิสระจากความรู้สึกที่ต้องเสียสละ เมื่อเราแบ่งปัน แล้วเป็นอิสระจากความรู้สึกที่เราอาจพบความขัดสน เมื่อเราใช้ความพยายามเพื่อผู้อื่นอย่างจริงใจ แล้ว เป็นอิสระจากความรู้สึกของการผูกมัด ![]() ผู้สร้างความสงบ รู้ว่าพลังของการให้อภัยนั้น เยียวยาความสัมพันธ์ และขจัดสิ่งหลอกลวง จากความรู้สึกเจ็บปวดเพราะผู้อื่น การให้อภัยปลดปล่อยเราจากการประณามผู้อื่น และการที่ผู้อื่นประณามเรา การให้อภัยปลดปล่อยหัวใจออกจากกรงขังของความไม่พอใจและเริ่มขจัดสิ่งหลอกลวงจากการแยกห่าง การให้อภัยคือพลังของความรักในการกระทำ ความผิดที่เกิดขึ้นบ่อยๆเป็นปกติ ทำให้เราได้เรียนรู้ว่าไม่ใช่เราที่เจ็บปวด แต่เป็นอีโก้หรือความหลงทะนงตนของเรานั้นเองที่รู้สึกเจ็บปวด เวลาที่ให้ของขวัญแห่งการให้อภัย คือเวลาที่เราตระหนักได้ว่า ไม่ใช่เขาที่ทำให้เราเจ็บปวด แต่เป็นตนเองที่ทำให้รู้สึกเช่นนั้น เวลาที่เราลืมว่าได้แบกภาระของความเกลียดชังไว้ เวลาที่เราสามารถพบผู้อื่นด้วยความรู้สึกใหม่เหมือนการไม่มีอดีตติดค้างมา พร้อมเริ่มต้นใหม่ด้วยการสร้างรอยยิ้มในดวงตา และใบหน้า มีน้ำเสียงที่ร่าเริงแจ่มใส แผ่กระจายกระแสของความสงบสุขไปทั่วทุกหนแห่ง ![]() ผู้สร้างความสงบรู้ว่าความอดกลั้นอย่างไม่สิ้นสุดให้ผลลัพธ์ทันที ความอดกลั้นเป็นประตูที่ปิดกั้นไม่ให้ความอยากปรารถนา และความคาดหวังทุกชนิดเข้ามาได้ ความอดกลั้นกลายเป็นศรัทธาเมื่อเราตระหนักว่าเรามีทุกสิ่งที่จำเป็นในครอบครองอยู่แล้ว ความอดกลั้นกลายเป็นความพอใจ เมื่อเราตระหนักว่าเราจะได้รับการเชิญให้ร่วมเล่นเกม‘ชีวิต’นี้เสมอ ความอดกลั้น กลายเป็นการยอมรับ เมื่อเราตระหนักว่า เราไม่สามารถเปลี่ยนแปลงผู้อื่นได้ เวลาที่ให้ของขวัญแห่งความอดกลั้น คือเวลาที่เราปล่อยให้ผู้อื่นเป็นเช่นที่เขาต้องการจะเป็น ไม่ใช่สิ่งที่เราอยากให้เขาเป็น เป็นเวลาที่เราสามารถสนับสนุนผู้อื่น ด้วยความรู้ที่ว่าเขาเป็นนายของชีวิตตนเอง แม้ว่าเขาไม่รู้ตัว เป็นเวลาเมื่อเรารอคอยโดยรู้ว่า แต่ละคนจะเปิดเผยธรรมชาติที่แท้จริงว่าเป็นผู้ที่สงบและมีความรัก ในที่สุด ![]() ผู้ที่สร้างความสงบจะรู้ว่าศรัทธาที่งมงาย นั้นเชื่อว่าทุกสิ่งจะดีได้ ขณะที่ศรัทธาอย่างรู้แจ้ง คือการรู้ว่าทุกสิ่งนั้นดีในทุกขณะ เพราะว่าทุกสิ่งต้องเป็นไปเช่นนั้น ศรัทธา ตระหนักได้ว่า ขณะที่มีความผิด ที่สุดแล้วก็ไม่ใช่ความผิดพลาด เพราะทุกสิ่งได้ถูกกำหนดไว้ให้เป็นไปอย่างมีนัยสำคัญ ศรัทธาไม่เคยหันกลับไปมองจึงไม่มีวันเสียใจ ไม่เคยวิตกกังวลว่าอะไรจะเกิดขึ้นในอนาคต จึงไม่มีการคาดหวัง เวลาที่ให้ของขวัญแห่งศรัทธา คือเวลาเมื่อการล่อลวงให้วิตกกังวล ถูกปฏิเสธ เมื่อการล่อลวงให้แก้ไขความผิดของผู้อื่น ทดแทนด้วยการเสนอตัวเพื่อชี้นำทางและเมื่อการล่อลวงให้ประกาศสัจจะ ทดแทนด้วยการค้นพบคำถามที่ถูกต้องที่อาจทำให้ผู้อื่นค้นพบสัจจะเพื่อตนเอง ศรัทธาคือของขวัญของความไว้วางใจผู้อื่น และการหล่อเลี้ยงความมั่นใจในตนเองของผู้อื่น ![]() ผู้สร้างความสงบนั้นรู้ว่า การถ่อมตน คือสิ่งแรกที่บ่งชี้ว่า เรารู้จักตนเองอย่างแท้จริงว่าเป็นชีวิตทางจิต ไม่ใช่เป็นเพียงร่างกาย มนุษย์เช่นที่เชื่อกันมาก่อน ความถ่อมตน ไม่สามารถไขว้คว้าตามหา จากที่ใด แต่จะปรากฏตัว ต่อเมื่อความหลงทะนงจบสิ้นแล้ว ความถ่อมตนนั้นก้มลง แต่เต็มไปด้วยความสง่าผ่าเผย ไม่ใช่แสวงหาการยอมรับนับถือ เพราะความยิ่งใหญ่ของความถ่อมตนนั้นไม่สามารถซ่อนเร้นได้ ผู้ที่หลงทะนงตน จะมองความถ่อมตนว่าอ่อนแอ ผู้ที่ถ่อมตนจะตระหนักในพละกำลังอันยิ่งใหญ่ ความถ่อมตนเปรียบ เช่น ต้นไม้ ที่ให้ร่มเงาแก่ผู้อื่น ความถ่อมตนเป็นคู่รักลับๆ ของปัญญา (ทำให้ชีวิตหวานชื่นด้วยความรักโดยไม่ต้องเปิดเผยหรือแสดงตน) เวลาที่เราให้ของขวัญแห่งความถ่อมตน คือเวลาที่เราใส่ใจต่อความสุขสบายของผู้อื่น รวมทั้งความก้าวหน้า ความสำเร็จที่มากยิ่งกว่าเรา และเมื่อเราคิดและพูดจากหัวใจว่า “เชิญคุณก่อน” ![]() ความเคารพสร้างความสัมพันธ์ที่บริสุทธิ์ต่อกันโดยธรรมชาติ ความเคารพมักเป็นสิ่งแรกที่จากเราไป และกลับมาหาเราเป็นอันดับสุดท้าย ผู้สร้างความสงบ จะมองข้ามพ้นความผิดพลาด ความอ่อนแอ และการกระทำต่างๆ ในอดีต รวมถึงเจตนาที่ไม่ดีของผู้อื่น ความเคารพมองเห็นและยืนยันคุณค่าความดีของผู้อื่น แม้เขาจะไม่สามารถเห็นสิ่งนั้นด้วยตนเอง เป็นการตระหนักถึงคุณค่าในการดำรงอยู่ของตนและทุกคน ผู้สร้างความสงบจะ รู้ตัวว่า ความผิดพลาดอันยิ่งใหญ่ที่สุดของเรา คือ การคาดหวังความเคารพ ซึ่งส่วนใหญ่จะเกิดจากสภาพภายในที่ขัดแย้ง และไม่มีความสุข เวลาที่ให้ของขวัญแห่งความเคารพ คือเวลาที่ให้ความเคารพผู้อื่นอย่างไม่มีเงื่อนไข โดยไม่คำนึงถึงประวัติของเขา เวลานั้นเราไม่จำเป็นต้องได้รับการยืนยันหรือรู้คุณค่าของใครก่อน แต่เราจะแสดงออกอย่างเป็นธรรมชาติ โดยไม่ต้องการสิ่งใด ตอบแทน ความเคารพ คือ ความรักที่จริงใจ ![]() ผู้สร้างความสงบ รู้ว่าความสงบคือสิ่งที่ฉันเป็น เขารู้ว่าเป็นฐานของการดำรงอยู่ เป็นธรรมชาติที่แท้จริงที่ไม่สามารถสูญหายไปได้ ไม่ใช่คำพูด แต่เป็นสภาวะที่จริงแท้ของการดำรงอยู่ ที่ทำให้เข้าไปสู่โลกพร้อมทุกสิ่งที่จำเป็นสำหรับชีวิตที่มีสุข ความสงบคือ ความเงียบที่ไร้ความคิดในจิตใจ ความเงียบที่ไม่มีเสียง ความนิ่งที่พอใจ มาคู่กับหัวใจที่ไม่ต้องการแสวงหาความรักอีกต่อไป เป็นรากฐาน เป็นแก่นแท้ เป็นสภาวะดั้งเดิม นิจนิรันดร์อันมีผลกระตุ้นโครงสร้างชีวิตทางจิตทั้งหมดให้ชุ่มชื่น ยืดหยุ่น ไม่มีวันขาด บางครั้งอาจโน้มลง แต่ไม่มีวันหัก ถ้าหากความสงบที่เงียบ ที่นิ่งนั้นไม่คงอยู่ในใจกลางของการใช้ชีวิต เราทั้งหมดอาจจะเสียสติไปแล้ว เวลาที่ให้ของขวัญแห่งความสงบคือเวลาที่เราสงบในตนเอง...เพียงกระจายแสง ส่งกระแสพลังจิตสำนึกออกไปสัมผัสทุกสิ่ง ทุกคนรอบด้านโดยไม่รู้ว่าอะไร หรือใครหรืออย่างไรจริงๆ รู้แต่ว่าสิ่งนั้นเกิดขึ้น คือช่วงเวลาที่เราเป็นของขวัญให้แก่โลก ผู้สร้างความสงบ ที่ทำให้มั่นใจว่าเราจะอยู่ด้วยกันในความสงบอีกครั้ง ![]() ยิ่งเราขยายตัวออกไปกว้างไกลเพียงใด เรายิ่งกลับคืนสู่จุดกำเนิดของเราได้เร็วไวและมั่นคงมากเท่านั้น
![]() The Alpha Point จุดอัลฟ่า คือ จุดแห่งแสง Point of Light จุดแห่งชีวิต Point of Life จุดแห่งการจากและหวนกลับ Point of departure and the point of return การสิ้นสุดและการเริ่มต้น พบกันในอัลฟ่า จุดแห่งการพบปะที่เป็นนิรันดร์นี้ คือกระบวนการชำระล้างให้บริสุทธิ์และการสร้างโลกใหม่ โอมชานติ... ฉันคือดวงวิญญาณที่สงบ |