วัวเจ้าปัญญา ท้าทายปัญหา(ตอนที่ 2)

คลิกหาความหมายตามตัวอักษรของวันนี้
26 ตัวอักษร A ถึง Z คือนิสัยไม่ดีที่เป็นปัญหาของเราทุกคน จึงต้องฝึกฝนตนเองให้เป็นเหมือนวัวเจ้าปัญญา


 

วันนี้เราขอเริ่มต้นด้วยตัวสุดท้ายของ 26 ตัวอักษร A ถึง Z จากวัวเจ้าปัญญา คือตัว Z ที่พูดถึง Zero หรือเลขศูนย์ หากเราเป็นศูนย์... ไม่มีอะไรเลย เราจะมีความหวังได้อย่างไร จนกลายเป็น Hero นักแสดงเอกในที่สุด
เราสามารถเปลี่ยนความหวังให้เป็นพลังในการทำดีที่สุด เหมือนการให้กำลังใจตนเอง หรือมีแรงจากการหลั่งฮอร์โมนอะดรีนาลีนของนักกีฬาที่แข่งขันชนะ โดยไม่คิดถึงการพ่ายแพ้ แต่ก็เตรียมใจ
ดังนั้นเมื่อเราคาดหวัง หรือวาดภาพที่เป็นบวก ให้ลูก ให้พนักงานหรือหุ้นส่วนของเราทำดีที่สุด โดยไม่แสดงความผิดหวัง เสียใจ เสียอารมณ์ เมื่อเขาไม่สามารถบรรลุผล เขาก็จะรู้สึกได้ว่าเราสนับสนุนให้กำลังใจเสมอ หรือเราเอาใจใส่เขาอย่างจริงใจ เราก็ลดความผิดหวัง เขาก็ลดความกดดันจากการคาดหวังของเรา ไม่มีใครโทษใคร ให้ไม่พอใจกัน จนเสียความสัมพันธ์ แน่นอนในที่สุด เขาจะต้องไม่กลัวปฎิกิริยาทางอารมณ์ของเรา หากเขายังเอื้อมไม่ถึงดวงดาวแห่งความสำเร็จที่เราวาดภาพไว้

 


Zero การเป็นศูนย์ (พี่ภา)
ในความหมายที่เป็นลบ การเป็นศูนย์ คือการเชื่อว่าเรามีขีดจำกัดหรือไม่ดีพอ แต่เมื่อเราได้เรียนรู้จักตนเองอย่างแท้จริง เราจะกลายเป็นผู้แสดงเอก หรือHero ที่เชื่อว่าไม่มีอะไรที่เราทำไม่ได้ เพราะว่าเราคิดอะไร เชื่ออะไรเราก็จะเป็นอย่างนั้น ความรู้ทางจิตให้ความมั่นใจว่าเราเป็นลูกของใคร มีความสามารถ มีศักยภาพมากเพียงไร เมื่อเราได้นำมาทดลองปฏิบัติ เราก็จะได้รับชัยชนะ เป็นการลุกขึ้นยืน ด้วยอำนาจของการปกครองตนเอง และทำในสิ่งที่เป็นสาระจำเป็น ไม่ใช่ทำในส่วนที่ขยายออกไปโดยไม่มีเป้าหมายที่ชัดเจน นั่นคือการทำอะไรที่เป็นสาระแก่นสารด้วยการรู้เวลารู้ถึงสถานการณ์ที่จำเป็นจริงๆ

ภาพวัวที่มีจมูกใหญ่มาก จนบังตาตนเองทำให้นึกถึงจมูกที่เป็นสัญลักษณ์ของการอยากรู้อยากเห็น หรือการแค่ดมกลิ่นแล้วก็สรุปเอาว่ามันเป็นอย่างนี้ แต่ถ้าเราใช้ตา เป็นสัญลักษณ์ของการมองเห็นด้วยความรู้ความเข้าใจ ยอมรับ แล้วเราจึงลงมือกระทำ ก็จะสามารถเป็น Hero ได้ แทนที่จะใช้จมูกอันใหญ่มากทำให้ไม่สามารถยืนได้ด้วยตัวเองเฝ้าแต่ค้นคว้าหาความรู้ไปที่นั่นที่นี่หรือฟังแล้วก็แค่ดมกลิ่นแล้วก็สรุปเอาว่าใช่ แล้วสร้างภาพลวงตาขึ้นมา เราจึงต้องใช้ดวงตาสร้างพลังในการที่จะตัดสิน และทำสิ่งที่สำคัญ

ก่อนนี้เรายังไม่รู้ว่าการเป็นตัวของตัวเองเป็นอย่างไร เช่นที่ทุกคนต้องการ แล้วเราก็มีความมั่นใจตัวเองในสำนึกที่ผิดว่าเรามีพื้นฐานการศึกษา เรามีภูมิหลังอะไรที่ดีที่จะสร้างความมั่นใจในการเป็นคน แต่พอเรารู้ว่าเราเป็นใคร คือการที่เราเป็นแสงเป็นความรัก เป็นความสงบ เป็นตัวตนที่แท้จริง เราก็มีคุณค่า เช่นที่ Hero ออกเสียงในภาษาฮินดีมีความหมายว่าเป็นเพชร เป็นสิ่งที่มีค่า ประกายเพชรส่องแสงสวยงาม เมื่อยอมรับว่าเราเป็นเช่นนี้ นั่นคือ Hero ที่แท้จริง ไม่ใช่ Hero ที่สามารถทำอะไรเด่นดีกว่าใคร ไปหมดแต่หมายถึงการเป็น (to be) ในสิ่งที่เป็นจริง มีค่า ให้คุณประโยชน์ในสำนึกของการเป็นแสงเปล่งรัศมีของความดีงาม ตามบทบาทและหน้าที่โดยไม่ติดยึดในความรู้ ความสามารถภายนอกที่ต้องแข่งขันชิงดีชิงเด่นกัน
 


Regret การเสียใจ (นวล)
เราเสียใจเพราะเราไม่เข้าใจ แก้ได้ด้วยการใส่ใจ ที่จะเข้าใจอย่างแท้จริงกับสิ่งที่เกิดขึ้นในชีวิต แต่ถ้าเราเข้าใจ ว่าทุกอย่างที่อยู่ตรงหน้าคือสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับชีวิต เรียนรู้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ในยุคแห่งการบรรจบพบกัน ของสัจจะและสิ่งหลอกลวง อยู่กับภาวะที่วุ่นวายสับสนเพื่อจะหยุดสับสนและดูพฤติกรรมที่เกิดขึ้น เราสามารถที่จะให้ผู้อื่นได้ อาจจะยากเกินไปที่จะทำให้ทุกคนเหมือนเรา ปัจจุบันเราใส่ใจว่าเราทำอะไร และยอมรับถ้าเราไม่เสียใจเลยจะทำให้เรารู้สิ่งที่ตรงกันข้ามได้อย่างไร เรียนรู้กับสิ่งที่ผ่านมา และทำให้เกิดความพอใจ ถ้าเราไม่รู้จักบาบา ผู้เป็นสัจจะเราก็จะไม่รู้จักยุคแห่งการบรรจบพบกันสำหรับการเรียนรู้และเปลี่ยนแปลงตนเองจนถึงที่สุดนี้ได้

 


Moody อารมณ์เสีย (ฝน)
เสียเพราะเก็บในสิ่งที่ไม่ควรจะเก็บ รับในสิ่งที่ไม่ควรจะรับ เพราะเรารับความทุกข์ เมื่อเรารับแล้วก็ต้องให้  บางครั้งเราต้องอยู่กับคนที่เข้ากันยาก หรือสถานการณ์ที่เราไม่พอใจแล้วเราก็รับสิ่งนั้นเอาไว้ เราเก็บสิ่งนั้นไว้โดยที่ไม่รู้ตัว บางครั้งไม่มีแก่นสาร(non sense) แม้สติปัญญาเข้าใจแยกแยะได้ว่าไม่ดี แต่เราลืมทิ้งขยะของความคิดเป็นลบเหล่านั้น ดังนั้นหน้าที่ของเราก็คือการแก้ไขนิสัยเสียนี้ด้วยการคิดบวกและมีความสุข (be positive be happy) แท้จริงแล้วไม่มีใครทำให้เราเสียใจหรอก แต่เป็นความอ่อนแอของเราข้างในต่างหากที่สร้างความทุกข์

ขอยกตัวอย่างประสบการณ์ของตนเอง ว่า ตั้งแต่วันแรกที่เราเกิด คุณตาบอกกับทุกคนในบ้านว่า 'เด็กคนนี้ห้ามตีเด็ดขาด' ไม่เคยมีใครตีเราเลยและเลี้ยงดูเราด้วยความรัก แต่เมื่อครูที่โรงเรียนตีเราครั้งแรก อันเกิดจากสาเหตุที่มีบางคนคุยเสียงดังในห้องและไม่ยอมรับความผิด ครูหาคนผิดไม่ได้ เลยสรุปว่าตีทุกคนหมด เราเกิดความคิดในจิตใจว่า "ทำไมบ้านฉันไม่เคยมีใครตีฉันเลย เธอเป็นใคร" เรารู้สึกโกรธมากเพราะเราไม่ได้คุยแต่ทำไมโดนตี เราเก็บความรู้สึกที่ไม่ดีเอาไว้ ทำไมเหตุการณ์เล็กน้อยเหล่านี้มีผลกระทบต่อเราได้ ก็เพราะเราใส่เสื้อเกราะที่อ่อนแอของทัศนคติที่ผิดๆที่เราสร้างขึ้นมา ทำให้เราไม่อยู่ในโลกของความเป็นจริงได้ ใครจะพูดหรือทำอะไรเป็นสิทธิ์ของเขาแต่เราควรจะแยกแยะและตัดสินที่จะไม่รับความทุกข์นั้นมาเก็บในใจ เราต้องให้และรับความสุขเท่านั้น ไม่ใช่ให้และรับความทุกข์ วิธีการแก้ไขคือ ไม่เห็นสิ่งที่เลวร้าย ไม่ฟังสิ่งที่เลวร้าย ไม่พูดสิ่งที่เลวร้าย และไม่คิดสิ่งที่เลวร้าย(See no evil,hear no evil,speak no evil and think no evil)

วัวที่ตนเองได้เลือก คือ วัวใส่เสื้อที่เขียนว่า I love Milk จริงๆแล้วเป็นคนที่ไม่ชอบทานนม แต่มาเข้าใจสิ่งที่บาบาพูดถึง 'น้ำนมแห่งความรู้' บาบาจะเรียกลูกๆ ว่าเป็นวัว บาบากำลังเลี้ยงลูกด้วยหญ้าแห่งความรู้เพื่อให้เราผลิตน้ำนมแห่งความรู้ให้แก่ผู้อื่นต่อไป เมื่อเรารับฟังความรู้ เราก็จะมีอารมณ์ที่ดีขึ้น เพราะคำสอนของบาบาทำให้เราตระหนักรู้ว่าเราทำอะไรผิดจุดไหน หากบาบาเป็นคนแรกที่รู้ถึงความรู้สึกของเรามาตั้งแต่ต้น บาบาจะทำให้เราเห็นชัดว่าอารมณ์เสียมีสาเหตุจากอะไรและเมื่อเราได้แก้ไขเปลี่ยนแปลงกับตนเอง อารมณ์เสียนั้นก็จะไม่เกิดขึ้นอีกในอนาคต



 

Tired เหน็ดเหนี่อย (พี่ธร)
ความไม่รู้จักพอของสำนึกที่มีตัวตน สร้างความอยากได้ใคร่มีทางวัตถุสิ่งของเพื่อตอบสนองต่อสิ่งเหล่านี้ จิตใจได้สร้างความคิดที่ซับซ้อนขึ้นมามากมาย คิดในสิ่งที่ผ่านมาแล้ว ติดกับอยู่กับความผิดพลาดของตนในอดีตหรือไม่ก็คิดฝันเรื่องราวของตนในอนาคตว่าจะเป็นอย่างที่คาดหวังหรือไม่ คิดถึงปัญหาที่จะเกิดขึ้นไว้ล่วงหน้า ขาดความสมดุลระหว่างการคิดและการกระทำ คิดมากมายแต่ไม่ได้ลงมือทำ ความคิดฟุ้งปรุงแต่งในเรื่องที่ไร้ประโยชน์ มีทัศนคติในทางลบ ความคิดเช่นนี้ ทำให้สูญเสียพลังงานของดวงวิญญาณ แม้ไม่ได้ลงมือทำอะไร แต่รู้สึกเหนื่อยล้า อ่อนเพลีย นอนไม่หลับ กระสับกระส่าย จนนำไปสู่ความเบื่อหน่ายในชีวิต หาทางออกในรูปแบบต่างๆ ดูหนังฟังเพลง ดูโทรทัศน์  ก็ชอบเปลี่ยนช่องบ่อยๆ ขาดเป้าหมาย หรือไม่ก็อ่านหนังสือพิมพ์ นิตยสารต่างๆ หรือไม่ก็ตระเวนหาอาหารอร่อยกิน ขาดพลังที่จะควบคุมจิตใจตนเอง

การเพิ่มพลังแก่จิตวิญญาณ ด้วยการอยู่ในสภาวะที่เงียบนั้น แก้ไขความเหนื่อยอย่างได้ผล ในสภาวะของความเงียบสงบจะหยุดความคิดเป็นลบหรือคิดไร้สาระลง เมื่อจิตใจสงบลงและต้องการใช้ความคิดเพื่อนำไปสู่การกระทำ สามารถทำได้ ด้วยการคิดสลับกับความเงียบสงบ ความคิดที่เกิดขึ้นจะถูกต้องแม่นยำ นำมาซึ่งการสร้างสิ่งที่เป็นประโยชน์ เป็นความคิดที่มีพลัง เมื่อนำความคิดไปสู่การกระทำด้วยภาวะของการยอมรับ พอใจ และกระตือรือร้น งานนั้นๆก็จะมีคุณภาพและเสร็จทันเวลา การทำด้วยความกระตือรือร้นจากแรงจูงใจที่บริสุทธิ์ คือการกลับสู่ธรรมชาติที่ดีงาม จะไม่รู้สึกเหนื่อยเลย

 


Lonely ความโดดเดี่ยว (ชัย)
ความโดดเดี่ยวคือ การสื่อสารกับคนไม่เป็น
แต่สื่อสารกับ computer เป็น
วิธีแก้ไข ต้องออกไปคุยกับคนบ้าง
คนที่มีตัวตนไม่ใช่คุยแบบ chat

 


คุ เสริม
คนที่ติด computer คือดูเหมือนว่า computer สั่งได้มันไม่ขัดใจ เราเพียงรู้จะสั่งมันอย่างไร คนที่ติดในโลกของเกม ก็จะดูเหมือนว่าสนุกสนานบนพื้นฐานชีวิตที่เพ้อฝันร่องรอยไม้เป็นจริง เมื่อติด computer มากๆ ก็กลายเป็นว่า โซเชียลเน็ตเวริคก็ได้มาแก้ไขปัญหานี้โดยให้พยายามไปพบปะผู้คนบ้าง แต่ยิ่งแก้ไขยิ่งจมอยู่กับสิ่งนั้น เพราะสุดท้ายไม่ได้ทำให้รู้จักตัวเอง เวลาเอาภาพขึ้น facebook ต้องทำท่ากวนๆ ทำตาบ้องแบ๊วเป็นการหลอกตัวเองมากขึ้นเพื่อให้ตัวเองดูดี ไม่สามารถเห็นตัวเองข้างในลึกๆ สุดท้ายจึงต้องมีชีวิตอยู่ข้างนอก ท้ายที่สุดจึงพากันออกไปข้างนอกมากขึ้นไร้ประโยชน์ ไร้สาระ สุดท้ายก็กลับมาสู่ความรู้สึกเหงาๆ โดดเดี่ยว ถ้าเราอยู่กับตัวเองได้จะไม่รู้สึกว่าโดดเดี่ยวเลย เพราะเราจะอยู่กับทุกคนได้อย่างมีความสุข

ขอเฝ้าดูการเจริญเติบโตของน้องทั้งสอง ที่พัฒนาจิตวิญญาณมาด้วยกันร่วม 20 ปี ผู้มีความสามารถด้าน คอมพิวเตอร์ ทั้งระดับที่เป็นรองศาสตราจารย์ และที่ปรึกษาบริษัทใหญ่ เราพยายามใช้ความรู้และการฝึกจิตแบบราชาโยคะ เอาชนะตนเองด้วยการสนทนากับตนเอง(Inner Dialogue) เยียวยาตนเอง (Inner Healing) และเติมพลังชีวิต (Recharge Battery) จากแหล่งกำเนิดพลัง (Power House) น้องทั้งสอง ได้ใช้คอมพิวเตอร์เป็นเครื่องมือพัฒนาจิตวิญญาณสำหรับเราทุกคน ... จนในที่สุด เราจะสามารถอยู่ในสันโดษได้อย่างแท้จริง ท่ามกลางทุกสิ่งและทุกคน ทุกรูปทุกนาม โดยไม่ติดยึดกับอะไรหรือใคร จากความขาดข้างในจึงโดดเดี่ยว เดียวดาย และกลายเป็นแรงดึงดูดให้ผู้ที่ขาดเหมือนกันมาติดพัน พึ่งพิงเราด้วยเช่นกัน ราชาโยคะ คือศาสตร์และศิลป์ ของการเชื่อมโยงกับผู้เดียวที่ทรงอำนาจ เพื่อที่เราจะสามารถอยู่ได้กับทุกคนอย่างละวาง และเต็มไปด้วยความรัก การเพียรพยายามร่วมกันเช่นนี้ จึงนำไปสู่การใช้พลังของวิทยาศาสตร์ (Power of science) ควบคู่กับพลังความสงบเงียบของจิตวิญญาณ (Power of Silence) ในการสร้างโลกใหม่ที่เจริญมั่งคั่งทั้งภายในและภายนอก

 

โปรดติดตาม วัวเจ้าปัญญา ท้าทายปัญหาตอนต่อไป...

 

 

 

© 2024 Brahma Kumaris Thailand. All rights reserved.