จดหมายข่าวฉบับที่ 41
วันที่ 24 มกราคม 2556
ถึงพี่น้อง ผู้รักสันติทุกท่าน
โครงการ 'อยู่เพื่อความสงบ' เกิดจากเจตนารมณ์ที่ทำให้เราแต่ละคน รับผิดชอบต่อการสร้างความสงบภายในตนเองเป็นประจำสม่ำเสมอซึ่งจะมีผลต่อการสร้างสันติภาพโลกร่วมกัน เราจึงพยายามเก็บข่าว เก็บดาวค้างฟ้า ค้างไฟล์ของเราในช่วงทำกิจกรรม ในที่ต่างๆกับกลุ่มต่างๆ จนถึงเดือนธันวาคม 2555 คงอีกไม่นาน...การสั่งลาที่สวยงามก็จะทำให้เราเริ่มต้นใหม่ด้วยหัวใจที่เบิกบานของโครงการต่อไป
วันนี้จึงตามไปเก็บสาส์นสำหรับวันสันติภาพโลกในอดีตที่ได้จัดส่งเป็นทางการไปทั่วโลก ผ่านสำนักงานของบราห์มา กุมารี ประจำองค์การสหประชาชาติ ณ กรุงนิวยอร์ก เช่นกัน มูลนิธิบราห์มา กุมารี ราชาโยคะในประเทศไทยได้จัดส่งสาสน์นี้ไปพร้อมกับจดหมายเชิญร่วมโครงการสันติภาพสากล ให้แก่ท่านทูตผู้แทนประเทศต่างๆ ผู้นำสถาบันต่างๆและผู้รักสันติที่อยู่ในทะเบียนของเราเป็นระยะเวลานาน
ในโอกาสนี้เราขอส่งสาสน์เดียวกันมาให้ทุกท่านได้เห็นภาพรวมของความเพียรพยายามร่วมกันทั่วโลกซึ่งเริ่มต้นที่ตนเอง! คือการบริโภค อาหารมังสวิรัติ
มูลนิธิฯ ได้จัดรายการพิเศษขึ้น เกี่ยวกับอาหารเพื่อสุขภาพ และสันติภาพ
วัตถุประสงค์
เพี่อสนับสนุนวิถีชีวิตทางจิตวิญญาณ ที่ไม่ก้าวร้าวรุนแรง
วิธีการ
ปรับเปลี่ยนการบริโภค และกิจวัตรประจำวัน ที่เน้นความสำคัญของความสงบภายใน และความมั่นคงปลอดภัยของทุกชีวิต
อาหารสำหรับร่างกาย
คือวัตถุธาตุที่หยาบซึ่งได้แปรสภาพให้กลายเป็นธาตุที่ละเอียดด้วยพลังโยคะหรือกระแสจิตที่บริสุทธิ์ สามารถให้การหล่อเลี้ยง ทั้งกายและจิตวิญญาณอาหารที่มีการปรุงในพลังสมาธิเช่นนี้จะสร้างความพิเศษให้แก่สุขภาพแบบองค์รวม
อาหารสำหรับดวงวิญญาณ
คือความรู้ทางจิตที่นำไปสู่การสร้างสมคุณธรรมความดี เป็นวิถีทางที่จะกำหนดชีวิตตนเอง ให้หลุตพ้นจากปัญหาและอุปสรรคต่าง ๆ ในชีวิต ความรู้ที่แท้จริงนำเราไปสู่การตระหนักรู้ในตนเองว่าคือใคร? ฉันคือดวงวิญญาณ ผู้เป็นนายเหนือตนเอง ผู้ใช้คุณธรรมหนุนนำชีวิต
การตื่นของจิตวิญญาณทำให้ความไวในอารมณ์เพิ่มขึ้น ดังนั้นเราจึงต้องให้ความสำคัญต่อความสัมพันธ์ของร่างกาย และจิตวิญญาณ ตาแห่งปัญญาจะเปิตเผยสิ่งที่ไม่เคยรู้และรู้สึกมาก่อน พลังงานที่ละเอียดอ่อนของจิตใจจะทำให้ร่างกายไวต่อสารพิษและสารที่มีคุณค่ามากยิ่งขึ้น
การฝึกจิตแบบราชาโยคะเกี่ยวโยงกับการบริโภคอาหารบริสุทธิ์ (Satwic Food) เพื่อรักษาสมดุลและคุณภาพของชีว็ตที่สงบสุขอย่างแท้จริง
ผู้มีสุขภาพดีต้องรักษาความสะอาดของระบบทางเดินอาหาร โดยไม่มีการตกค้างให้เกิดความหนักหน่วง นั้นคือมีการดูดซึมสารอาหารและขจัดของเสียภายในร่างกายได้เป็นอย่างดี
การฝึกจิตนั้นเป็นสิ่งที่ควบคู่ไปกับการดูแลสุขภาพ เพื่อให้ความรู้ทางจิตซึ่งเป็นเช่นอาหารได้ซึมชับเข้าไปในสติปัญญา จนกลายเป็นพลังสมาธิที่มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงอารมณ์ ความรู้สึก และนิสัยที่ให้โทษให้ทุกข์ต่อตนเองและผู้อื่น
ดังนั้นอาหารที่บริสุทธิ์ก็ไม่ใช่เพียงแค่ประเภท, หน้าตา, รสชาติ, หรือคุณค่าทางโภชนาการที่เราพยายามเลือกสรรมา เพื่อจะให้พลังงานแก่ร่างกาย หากแต่เป็นกระแสจิตอันละเอียดอ่อนและบริสุทธิ์ของจิตวิญญาณที่แทรกซึมอยู่ในอาหารนั้น สิ่งสำคัญที่สุดในขบวนการตระเตรียม การปรุงรส การตักแบ่ง ตลอดจนการรับประทาน คือความนิ่งสงบภายในจิตใจ ความสงบภายในจึงเป็นเมล็ดพันธุ์ของสันติภาพโลก
เมื่อวันที่ 15 ธันวาคม เราได้เชิญคุณแอ้น - ผู้ปรารถนาจะรับประทานอาหารบริสุทธิ์ มาชมการสาธิตการทำอาหาร โดยมีลูกสาวและแม่ครัวติดตามมาอีก 3 ท่าน จึงถือเป็นฤกษ์งามยามดีสำหรับการเริ่มใช้ห้องครัวใหม่ เพื่อชีวิตที่ปราศจากโรคภัยทางจิตวิญญาณ รักษาความสงบในขณะที่เตรียม และรับประทานอาหารร่วมกัน
คุณแอ้น ได้รับดวงดาวแห่งความอดกลั้น (Star of Patience) ไปฉายแสงให้แก่ญาติมิตรเพื่อนฝูง
ความอดกลั้นนำคุณประโยชน์อะไรมาให้?
คุณประโยชน์ที่ได้รับพร้อมกับความอดกลั้น คือ ความมุ่งมั่นซึ่งหมายถึงพละกำลังที่สามารถทำให้เราข้ามพ้นอุปสรรคของความคิดไร้ประโยชน์เพื่อที่จะสร้างความคิดที่เป็นบวกและมีความสำเร็จสมปรารถนา ความมุ่งมั่นเกิดจากภายในที่มีความอดกลั้นเป็นหุ้นส่วน ความอดกลั้นสอนเราไม่ให้บีบบังคับหรือเร่งรัด แต่ให้รอคอยและรู้ค่าเกมชีวิต จากการล่วงรู้ว่าไม่มีอะไรจะคงอยู่เหมือนเดิม ทุกสิ่งเปลี่ยนไปตามเวลา
Are you Patient or just the Patient? ท่านอดกลั้นไหมหรือเป็นคนไข้?
ในคำเดียวกัน Patientแปลได้สองความหมาย คือ อดกลั้นและคนไข้ซึ่งเกี่ยวโยงกันจนแยกไม่ออก
โดยทั่วไป ชีวิตที่ยุ่ง(Busy life) มักจะเกิดจากความรู้สึกที่ต้องรีบเร่งอย่างต่อเนื่องโดยไม่สามารถรอคอยได้ ต้องพบกับความเหน็ดเหนื่อยจนร่างกายต้องขอหยุดพักเมื่อมีปัญหาโรคภัย
ความอดกลั้น คือ หนึ่งในคุณธรรมที่สามารถเปลี่ยนความวิตกกังวลให้เป็นการผ่อนคลาย เปลี่ยนจิตใจที่หงุดหงิดเร่งรีบให้เป็นสายธารชีวิตที่ไหลอย่างราบเรียบ เมื่ออยู่กับผู้ที่อดกลั้น เราจะถูกล้อมไว้ด้วยความเยือกเย็น แม้ว่าจะยุ่ง...ความอดกลั้นก็ยังกระจายออกไปรอบๆ จึงมีคำแนะนำของผู้รู้ 'ใช้จังหวะของธรรมชาติเพราะความลับของเธอ คือความอดกลั้น' ธรรมชาติแทบจะกล่าวได้ว่า ไม่มีวันว่างเว้นเป็นความอดกลั้นทั้งที่มองเห็นและมองไม่เห็น
ผู้คนส่วนใหญ่อาจยอมรับว่า ไม่อดกลั้น ในบางสิ่ง แต่ก็ไม่รู้วิธีที่จะเป็นอิสระจากความวิตกกังวลที่เกิดขึ้นอย่างเร็ว เราไม่อยากจะอยู่อย่างรีบรน เราอยากจะอดกลั้นมากขึ้น แต่ปัญหาคือ เราต้องการเดี๋ยวนี้! ดังนั้น...หากต้องการความอดกลั้นในชีวิตมากขึ้น คงต้องอดกลั้นบ้าง!จะทำได้อย่างไร? เราสามารถตัดสินใจได้หรือที่จะเป็นคนอดกลั้น?เราจะสร้างความอดกลั้นขึ้นมาได้อย่างไร?
1.ศิลปะในการจินตนาการ
การอยู่อย่างอดกลั้น คือกระบวนการสร้างสรรค์ มีเครื่องประกอบหลากหลาย ขั้นแรกคือยอมรับและรับรู้ในความไม่อดกลั้นของตน ว่าเป็นนิสัยที่สร้างขึ้นมาด้วยตนเอง ก่อนจะขึ้นเวทีแสดงละครชีวิตในแต่ละวัน เราต้อง'ซ้อมโรง' บนฉากของจิตใจก่อนโดยดึงเอาทรัพยากรภายในที่มีหลากหลายขึ้นมาใช้สร้างความรู้สึก 'อดกลั้น'
2.พลังของความสงบของเรา
ทรัพยากรแรก คือ 'การสัมผัสความสงบภายใน'เป็นความสงบในหัวใจที่ไม่มีใครเอาไปได้ ความสงบคือพลังงานพื้นฐานของความอดกลั้น ถ้าเราไม่สามารถดึงขึ้นมาจากจิตใจ ความอดกลั้นแทบจะเป็นไปไม่ได้ ดังนั้นเราจึงต้องมีการฝึกจิต ฝึกสมาธิ นั่นคือ การเดินทางที่ไม่ไกลห่าง ภายในหนึ่งวินาทีที่เราจะเข้าไปในหัวใจของจิตวิญญาณ หรือจิตสำนึกของเราเองและเข้าไปในคลังที่ไม่มีขีดจำกัดของความสงบที่บริสุทธิ์
3.ปัญญาในการยอมรับ
ความสงบภายในของเราสามารถเดินทางจากหัวใจถึงจิตใจได้ เมื่อเราไม่มีการแปรเปลี่ยนอีกต่อไป นาทีที่เรายอมรับทุกคนและทุกสิ่ง โดยไม่ต่อต้าน คือช่วงเวลาที่พลังความรักโอบอุ้มชีวิตไว้ได้อย่างไม่มีเงื่อนไข ไม่เช่นนั้นเรามักจะใช้เวลาและพลังงานความคิดในจิตใจของเราเองมากเกินไป โดยการตัดสินผู้อื่น เร่งรัดผู้อื่นและพยายามจะจัดการกับปัญหาของโลก เพราะคิดว่าเป็นงานของเราและคิดว่า เราสามารถทำได้!
4.การสร้างความพอใจ
ความสงบและการยอมรับเปรียบเหมือนแม่สี เมื่อนำไปผสมกันย่อมสร้างความพอใจ เราไม่สามารถ 'อดกลั้น' ตราบจนกระทั่งเราพอใจในตนเอง กับตนเองและโลก ในขณะนั้น ว่าต้องอาศัย การตระหนักรู้ว่า มีเพียงบัดนี้เท่านั้น ที่จะจบสิ้นการหลีกหนีเข้าไปสู่อนาคตหรือ การซ่อนอยู่ในอดีต
5.การสร้างศรัทธาต่อตนเอง
ในความนิ่ง เงียบ ขณะที่มีการเคลื่อนไหวของความพอใจเท่านั้น ไม่ใช่การยอมจำนนหรือการกดเก็บ แต่ตื่นตัว พร้อมเสมอ ที่เราสามารถได้ยินและรู้สึกถึงปัญญาที่มาจากสัจจะในก้นบึ้งของหัวใจ ด้วยสัญชาติญาณเรารู้ได้ว่าทุกอย่างนั้นดี ทุกสิ่งจะดี ศรัทธาในชีวิตของเราเอง ปรากฏขึ้นมาจากการล่วงรู้ถึงถ้อยคำที่เลื่องลือว่า ....."ทุกสิ่งกำลังเปิดเผยตนเองอย่างที่ควรจะเป็น"
6.การกู้อิสรภาพที่แท้จริง
เพียงครั้งเดียวเท่านั้นในชีวิตที่เราจะอยู่อย่างสงบ ด้วยความสามารถในการยอมรับ พอใจ และศรัทธาในชีวิตโดยไม่มีสิ่งกีดขวางหรือตรงกันข้าม เราจึงจะสามารถ 'เห็น' และตระหนักได้ว่าเราไม่ต้องการอะไรจากภายนอกตนเองอีกต่อไป ณ จุดนี้ เราจบสิ้นความอยากที่เร่งเร้า การดิ้นรนแสวงหาเพื่อกอบกู้อิสรภาพภายใน ทุกสิ่งนั้นมีอยู่แล้วภายในตนเอง ความไม่อดกลั้นจะดูเหมือนการขาดศรัทธาต่อจักรวาล ต่อชีวิต ต่อตนเอง แม้ชั่วขณะหนึ่ง ความไม่อดกลั้น นั่นหมายถึง สภาวะที่ขาดความมั่นใจ ชีวิตได้แสดงให้เราเห็นว่า สิ่งที่เราต้องการ คือ เพียงการมีชีวิต!
7.เจตนา
การตระหนักรู้ในถึงสิ่งนี้ อิสรภาพที่ลึกล้ำที่สุดกำลังให้สัญญาณจบสิ้นความเป็นทาส ต่อความอยากในบางสิ่ง เดี๋ยวนี้! นี่คือการเปลี่ยนแปลงเจตนาของเรา เรารู้แล้วว่าทุกสิ่งที่เราต้องการนั้นอยู่ภายในตนเอง เราจึงลดเลิกการรอคอยที่ไม่อดกลั้น ในสิ่งที่ต้องการหรือคาดหวังและเริ่มที่จะจดจ่ออยู่ที่การให้ในสิ่งที่ตนมี ทุกขณะ คือโอกาสที่จะเป็นผู้ให้ พลังงานชีวิต ไม่ใช่การสังเวยหรือข้อผูกมัด แต่เป็นของขวัญ : เวลา ความตั้งใจ การชี้นำ ความอบอุ่น การยอมรับ และการแสดงออกอื่นๆได้กลายเป็นของขวัญที่แท้จริงโดยไม่มีค่าใช้จ่ายและไม่มีการบรรจุหีบห่อ
ความไม่อดกลั้น ทำให้เรากลายเป็น 'คนไข้' ในชีวิต หมายถึง เครื่องประกอบที่กล่าวมาแล้วข้างต้นได้ขาดหายไปชั่วคราว สิ่งเหล่านั้นมีอยู่ภายในตนเองเสมอ แต่สำนึกรู้ของเราหายไป ตราบจนกระทั่งความอดกลั้นของเราได้ถูกรื้อฟื้นคืนมา เนื่องจากชีวิต คือกระบวนการเยียวยา แต่ละขณะเราพยายามบีบเค้น ...ให้ได้ผลลัพธ์ แต่ละขณะของการรอคอยอย่างกระวนกระวายด้วยความอยากและการคาดหวัง ทำให้บาดแผลยิ่งลึกลงไป ในที่สุดเราต้องรักษาด้วยยาทาของความสงบและการยอมรับที่ทำมาจากน้ำมันทางจิต เรียกว่า ความรัก
บางที การใช้คุณธรรม ความอดกลั้นที่มีค่าที่สุด คือ ความสามารถที่จะนำปัญญากลับคืนสู่ชีวิต วัฒนธรรมตะวันตก มีแนวโน้มที่จะตะโกน 'อย่านั่งอยู่เฉยๆ ทำอะไรบางอย่าง' เมื่อมีสิ่งใดผิดพลาดไป ส่วนทางตะวันออกโบราณ มักจะกระซิบ 'อย่าเอาแต่ทำๆ นั่งอยู่เฉยๆ' ในเวลานั้น เรากำลังรับรู้ ถึงความจำเป็นที่ต้องมีปัญญาลึกล้ำในการตอบรับและไม่ปล่อยให้การสั่นสะเทือนทางอารมณ์เอาชนะจิตใจและหัวใจ
อย่างไรก็ตาม ปัญญาไม่ได้ปรากฏในห้องโถงของจิตสำนึกด้วยการเรียกให้มาแต่เป็นการเชื้อเชิญที่มักจะส่งผ่านไปที่หัวใจและมีการรอคอยอย่างอดกลั้น ก่อนจะได้รับคำตอบ
เหตุนี้เอง ผู้มีปัญญา และคนไข้รู้ว่าความอดกลั้นและปัญญาคือ เพื่อนที่ดีที่สุด ทีไม่สามารถแยกห่างกันได้ ปัญญาของชาวนา คือความอดกลั้นในตนเองและความอดกลั้นของคนสวน คือปัญญาในตนเอง
ขอขอบคุณ 'ความอดกลั้น' ที่ได้กลั่นกรองมาจากประสบการณ์ของมิตรร่วมทางในการพัฒนาจิตวิญญาณ ผู้เป็นนักคิด นักเขียน ชื่อดัง เพราะฟังเสียงหัวใจของตนเองอยู่เสมอ
เมื่อพูดถึงคนไข้ คงต้องขอเชิญคนไข้ตัวอย่าง... พี่เพ็ญสุข... ผู้ได้รับดวงดาวแห่งความกรุณา
(Star of Compassion) มาให้กำลังใจแก่ทุกคน เพราะถึงเวลาที่เราต้อง ลด-ละ-เลิกความรุนแรง ทั้งด้านความคิด คำพูด และการกระทำ เพราะความรุนแรง(violence) คือกิเลส(vice) อันเกิดจากการปฏิเสธตนเอง และผู้อื่น แต่แล้วเมื่อเรายอมรับพระเจ้า ผู้เต็มไปด้วยความเมตตา กรุณา เราย่อมเรียนรู้ที่จะยอมรับมนุษย์ทุกคนได้อย่างแท้จริง จึงกล่าวกันว่า เมื่อเราได้พบท่าน เราได้พบทุกสิ่ง
ในที่สุดการเยียวยาหัวใจและจิตวิญญาณที่แท้จริงจึงเกิดขึ้นเมื่อพระเจ้ารักเรา เพราะทุกคนจะรักเรา ท่านรักลูกที่รักและเมตตาตนเอง
พี่เพ็ญสุขได้เล่าเรื่องราวของตนเองไว้... "มนุษย์หรือ human being นั้น แบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือส่วนที่มองเห็นคือร่างกายและส่วนที่มองไม่เห็นคือจิตใจ ที่หมายถึง จิตวิญญาณอันประกอบไปด้วย จิตใจ สติปัญญาและจิตใต้สำนึก
เดือนเมษายน 2555 หมอตรวจพบว่าฉันเป็นมะเร็งทำให้ฉันมองเห็นตัวตนที่เป็นของฉันชัดที่สุด คือร่างกายของฉันมีเนื้อร้ายอยู่เต็ม ช่องท้อง ผนังท้อง มดลูก กำบังลม และอื่นๆ คุณหมอผู้ตรวจรักษาบอกว่าเป็นมากในระยะ (stage)
3-4 ยากที่จะควบคุมได้
ฉันยอมรับสภาพของร่างกายนี้ที่ใช้งานมา 70 ปีแล้ว เป็นธรรมดาที่จะชำรุด เสียหายด้วยเหตุใดเหตุหนึ่ง ขณะที่ร่างกายเจ็บปวดมากช่วยตัวเองไม่ได้เลย ใจของฉันไม่ได้รู้สึกว่าเจ็บปวดหรือว่าทุกข์ไปด้วย มองเห็นแต่ทุกข์เวทนาที่ร่างกายเป็นอยู่จากการผ่าตัด และผลข้างเคียงจากยาคีโม
คุณหล้า (คุณสไบทิพย์ ) ท่านกรุณามาเยี่ยม และให้สติโดยท่านแนะนำว่าจิตวิญญาณคือพลังงาน เป็นอมตะ หากมีปัญญาจะชนะกายได้ และท่านบอกว่าฉันจะผ่านพันวิกฤตนี้ได้แน่นอน
28 พ.ย.2555 ผลการตรวจมะเร็งครั้งหลัง ออกมาปรากฏว่าในเลือดของฉัน และร่างกายไม่มีเซลล์มะเร็งอยู่อีกเลย (หรือเครื่องตรวจไม่พบ) ร่างกายของฉันแข็งแรงและจิตใจของฉันรู้สึกสบายดี มี peace of mind มี จิตเงียบ สงบ สุข ฉันคิดว่าช่วงนี้เป็นโอกาสทองของฉันที่จะใช้ชีวิต เพื่อหา-ความรู้ด้านจิตวิญญาณ ให้ลึกซึ้งมากขึ้นไปอีก และถ้าอะไรจะเกิดขึ้นทุกอย่างก็เป็นธรรมชาติที่ควรจะเป็น
การพิจารณาคำว่า 'กรุณา' ทำให้มองเห็นคุณสมบัติพิเศษของผู้อื่น
ฉันชื่นชมคุณหล้า (คุณสไบทิพย์) มากที่ท่านโน้มนำความสงบของแต่ละจิตวิญญาณมาอยู่รวมกัน เพื่อทำให้กลายเป็นพลังที่แผ่ออกไป แผ่ออกไป เริ่มเป็นสันติภาพจากกลุ่มเล็กๆ กว้างขึ้น และใหญ่ขึ้นๆ เป็นความสงบและสันติภาพไปทั่วโลก"
อะไรที่ปลุกเรียกความกรุณาของท่านให้ตื่นขึ้น? |
เพื่อตอบรับคำชื่นชม ขอเป็นฝ่ายตอบคำถามนี้และปลุกความกรุณาให้ตื่นขึ้นมา ด้วยการมองเห็นคุณสมบัติพิเศษของผู้อื่นเช่นกัน ณ เวลานี้คือพี่เพ็ญสุข...ตั้งแต่แรกพบจนกระทั่งบัดนี้ มีความสดใสบนใบหน้า มีประกายในดวงตาของผู้ใฝ่เรียนใฝ่รู้ มีบทเรียนชีวิตที่ล้ำค่าพร้อมที่เป็นประโยชน์ต่อผู้อื่นมากมาย นี่คือวิถีของความดีงามที่นำไปสู่การรู้แจ้ง เห็นแสงธรรมะ เอาชนะตนเองได้ และมีสุขภาพทางจิตวิญญาณที่พร้อมจะดูแลสุขภาพแบบองค์รวม(Holistic Health)ทั้งกาย ใจ สังคม และจิตวิญญาณ
“สุขภาพจิตวิญญาณที่ดี หมายถึง การเป็นอิสระจากโรคภัยของวิญญาณ ไม่มีร่องรอยของความเป็นลบหลงเหลือ เอาชนะอุปสรรคทั้งปวง ใบหน้าเปล่งประกายแห่งความสุข
สุขภาพจิตวิญญาณที่ดี เริ่มจากการเกิดทางจิตที่มีพลานมัยดี
เป็นการเกิดของตัวตนที่แท้จริง... เป็นบุคลิกภาพของความบริสุทธิ์ ด้วยการจดจำพระเจ้าผู้เป็นพ่อแม่ที่คงอยู่ตลอดกาล (Be born to your true self-the Personality of Purity by remembering God,your Eternal Parent)
ฉันมีชีวิต อยู่กับพระเจ้า
ฉันพูดอยู่กับพระเจ้า
ฉันเรียนรู้จากพระเจ้า
| |
ความสุขสันต์ภายใน คือ ยาที่ดีที่สุด
Inner Joy is the best medicine
|
ทุกสิ่งขึ้นอยู่กับว่า เราเก็บอะไรไว้ในหัวใจ” (จาก ดาดี้ แจงกี)
ในวันอาทิตย์ที่ 25 พฤศจิกายน 2555 เวลา 09.00-17.00น มูลนิธิฯได้รับเชิญให้เข้าร่วมสนับสนุน หลักการ ยุติความรุนแรงต่อเด็กและสตรีและความรุนแรงในครอบครัว ซึ่งกำหนดให้เดือนพฤศจิกายนของทุกปีเป็น "เดือนรณรงค์ยุติความรุนแรงต่อเด็กและสตรี"จัดโดยสำนักงานกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เป็นหน่วยงานกลางในการประสานการดำเนินการจัดกิจกรรม ณ สวนวชิรเบญจทัศ
มูลนิธิฯได้จัดบูธให้มีการลงทะเบียนรับข่าวสารข้อมูลจากโครงการ 'อยู่เพื่อความสงบ' พร้อมกับการทำกิจกรรมสันติสัญจร(Peace Rally)ได้แก่ กิจกรรมคุณธรรมนำชีวิต,งูและบันไดชีวิตและครอบครัวดวงดาว
|
|