วันเกิด ราชาโยคะในประเทศไทย
นี่เป็นเวลาของการกลับคืนสู่สาระ คือหัวข้อจดหมายข่าวในปี ค.ศ. 2025 (2568) จึงขอต้อนรับเดือนพฤษภาคม เพื่อฉลองครบรอบวันเกิดของ ราชาโยคะ ในประเทศไทย ตั้งแต่วันที่ 5 พฤษภาคม 1988 โดยผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และดาดี้ชานเดอร์มนี จากมธุบัน ทำพิธีเปิดป้าย ณ หมู่บ้านเมืองทองธานี ถ.พัฒนาการ อ.ประเวศ กทม.
Br.Charlie ทำพิธีเปิดสำนักงานใหญ่ ของบราห์มา กุมารี ประเทศไทย เพื่อถ่ายทอด
คำสอน 'ราชาโยคะ'
ณ ต.วังไทร อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา
ในวันที่ 5 พฤษภาคม 2025
(จัดทำVDO โดยพี่เคี้ยง)

ราชาโยคะกำลังเอาชนะอดีตเพื่ออยู่กับปัจจุบันในการกลับคืนสู่อนาคต(back to the future) ไม่มีการเพ้อฝัน แต่เป็นการรื้อฟื้นความจำที่กลับมาซ้ำรอยและเป็นจริงในแต่ละฉากตอนของละครชีวิต เมื่อได้มีการสะสมพลังของสัจจะและจดจำระลึกถึง พ่อ ครูและผู้ชี้นำทางสูงสุด ผู้เป็นสัจจะ เราจะสามารถรื้อฟื้นความจำที่ยาวนานที่สุดของมนุษย์ขึ้นมาปฏิบัติการจริง...อีกครั้งหนึ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผู้ที่เคยเป็นบรรพบุรุษของโลกที่ต้องกลับมาพบกันบนเวทีละครโลก ก่อนเวลาปิดฉากสุดท้าย ด้วยการรื้อฟื้นความจำ ตั้งแต่วันที่ 1 เดือน 1 ปีที่ 1 ของประวัติศาสตร์ภูมิศาสตร์โลกซ้ำรอยทุก 5,000 ปี ตามกฎการเสื่อมสลายของพลังงาน เริ่มจาก ยุคทอง ยุคเงิน ยุคทองแดง และยุคเหล็ก ทุกอย่างถูกกำหนดไว้ให้เป็นไปอย่างถูกต้องตามเวลาและสถานที่ บางแห่ง บางคน บางเวลา เราสามารถย้อนระลึกถึงอดีตชาติได้ แต่ผู้ที่ระลึกชาติตั้งแต่เริ่มวงจรชีวิตในละครฉากแรกคือผู้ที่เข้าถึงกฎของความเป็นนิรันดร์ ตั้งมั่นอยู่ในหลักการสากลที่มนุษยชาติเป็นครอบครัวเดียวกัน ฉันท์พี่น้อง สอดคล้องกลมกลืนกันในวัฒนธรรมแห่งสัจจะ ที่เป็นอิสระจากความกลัวใดๆเพราะไม่มีใครเป็นศัตรูที่ต้องต่อสู้รบราหรือแก่งแย่งขัดแย้งช่วงชิงอำนาจของวัตถุธาตุภายนอก มีแต่ความเป็นหนึ่งเดียวกันในสายสัมพันธ์ทางจิตที่เป็นนิรันดร์

ผู้ที่เป็นพยานในเวลาสุดท้ายของการจบสิ้นวงจร 5000 ปี จะได้ยินเสียงเดียวกัน "นี่คือผู้เดียว" ‘This is the One’ ‘This is the One’ ที่ใดมีสัจจะ ที่นั่นมีความเป็นหนึ่งเดียวกัน และผู้เป็นหนึ่งเดียวนี้เท่านั้นที่จะทำให้มนุษย์จดจำท่าน ก่อนจะเริ่มต้นวงจรโลกใหม่ ในยุคสมัยของตน ตามความบริสุทธิ์ที่รองรับพลังสัจจะนั้นไว้ได้ยาวนานเท่าใด

การเตรียมการก็เป็นไปตามบทบาท ด้วยการกลับมาเรียนรู้วิชาการปกครองของผู้มีอารยธรรมสูงสุดเช่นเทพ จากการสร้างครอบครัวทางจิตทั่วโลก ที่มีอำนาจของประสบการณ์ชีวิตสูงสุด เขาจะอยู่เหนือพลังวิทยาศาสตร์(Science) ด้วยพลังจิตวิญญาณที่เงียบสงบ(Silence) ภายในช่วงเวลา 100 ปี ของการร่วมกันก่อตั้งอาณาจักรแห่งสวรรค์ ยุคทอง ยุคแห่งสัจจะ นี่คือเหตุผลในการก่อตั้งอำนาจของสัจจะในนามของพระเจ้า ก่อนโลกเก่าจะถูกทำลายจากการแสวงหาอำนาจการปกครองที่ขาดความบริสุทธิ์ยุติธรรม ต่างลำดับกันไป

ปีนี้เราจัดทำใบประชาสัมพันธ์ เชิญชวนพี่น้องครอบครัวทางจิตมาร่วมทำพิธีเปิดศูนย์ประสานงานหลักเป็นทางการ กับบราเตอร์ชาลี ผู้ประสานงานประจำภูมิภาคของบราห์มา กุมารี(R.C. - Regional Coordinator) ในวันที่ 5 พ.ค. 2568
Power of Gathering - พลังของการชุมนุม คือหัวข้อที่ให้แรงบันดาลใจในการปลุกความเป็นราชาที่บริสุทธิ์สูงส่ง พร้อมทั้งมีคัมภีร์กีตะที่เป็นแม่ของทุกคัมภีร์เป็นของขวัญจาก 18บท ของการต่อสู้ในสนามรบของจิตใจของพระอรชุน(ในตำนาน) เพื่อกอบกู้บัลลังก์หัวใจของพระเจ้า(ในทางปฏิบัติ)

กรุณาคลิกแต่ละบทของคัมภีร์กีตะ 1-18 บทตามลำดับ เพื่อเปิดอ่านบทสนทนาระหว่างพระอรชุนและพระเจ้า(แปลไทย)

กีตะ บทที่ 1-18
บทที่ 1 : ใช่แล้ว ลูกเป็นดวงวิญญาณ และ นี่คือร่างกายของลูก
บทที่ 2 : ลูกเรียกสิ่งนี้ว่าโยคะ แต่พ่อเรียกว่า พ่อและลูกอยู่ด้วยกัน
บทที่ 3 : เวลานี้มารับทุกสิ่งที่พ่อนำมาให้ลูก
บทที่ 4 : บทบาทดั้งเดิมของลูกนั้นไร้มลทิน แสดงตัวตนที่แท้จริงออกมา
บทที่ 5 : ไม่มีการกระทำใดที่สูงไปกว่าการกระทำของผู้รับใช้
บทที่ 6 : ในความเป็นจริง ไม่มีความตาย
บทที่ 7 : เวลานี้ อรชุน ฟังคำสั่งของพ่อ และจดจำหนทางกลับบ้าน
บทที่ 8 : มีความนับถือต่อสิ่งสร้างของดวงวิญญาณ
บทที่ 9 : ดวงวิญญาณคือเป้าหมายของทุกสิ่ง
บทที่ 10 : ลูกต้องถึงจุดหมายปลายทางอย่างรวดเร็วมากเท่าที่จะเป็นไปได้
บทที่ 11 : ทำให้ความคิดของลูกพักอยู่เพียงที่พ่อ แล้วลูกจะมีชัยชนะ
บทที่ 12 : สำหรับผู้ที่รู้แจ้ง สิ่งนี้ง่ายดายตรงไปตรงมา
บทที่ 13 : การละเล่นของวัตถุธาตุนั้นสมบูรณ์แบบ
บทที่ 14 : พ่อเป็นคนรับใช้ที่ถ่อมตนของลูกนะ อรชุน
บทที่ 15 : ลูกได้ลืมไปว่า ลูกคือเจ้าสมุทร
บทที่ 16 : พ่อไม่สามารถเอาชนะสงครามได้ โดยปราศจากนิ้วแห่งความร่วมมือของลูกแต่ละคน
บทที่ 17 : ความสุขคือข้อพิสูจน์โยคะของลูก และนั่นคือข้อพิสูจน์ญาณของลูก
บทที่ 18 : รอบรู้(มีปัญญา) หมายถึง ความบริสุทธิ์

บทที่ 1 : ใช่แล้ว ลูกเป็นดวงวิญญาณ และ นี่คือร่างกายของลูก
- บทแรกของกีตะ เริ่มต้นด้วยการ(เปิดใจ)ของอรชุน ที่พร้อมจะรับฟังพระเจ้า เพราะได้ตระหนักรู้แล้วว่าหลังจากที่เขาเพียรพยายามมาอย่างมากมายยาวนานในหนทางของความเลื่อมใสศรัทธานั้น ทั้งศึกษาตำรา คัมภีร์ ทั้งปฏิบัติตามการกำหนดของทุกคน...แต่ในที่สุดก็กลับไม่พบความสุขด้วยหนทางใดเลย...เขาจึงยอมจำนนต่อพระเจ้า
- พระเจ้าสอนสิ่งนี้ให้อรชุนในสนามรบ ถึงวิธีการที่จะเอาชนะศัตรู (มายา)
พระเจ้าให้คำสอนที่สูงส่งว่า “โอม OM” หมายถึง “ฉันคือดวงวิญญาณ” ไม่ใช่ “ฉันคือพระเจ้า” ให้นำสิ่งนี้เข้าไปอยู่ในสำนึกรู้ของลูก นี่คือการกำหนดแรก เมื่อลูกจดจำพ่อ พ่อจะอยู่กับลูก
ลูกเคยมีอาณาจักร และได้สูญเสียไป เวลานี้จงนำมันกลับมาอีกครั้ง แต่ลูกต้องรบรากับมายา แล้วกลายเป็นผู้เอาชนะภาพลวงตาของความรู้สึกและความคิดเห็น นี่ไม่ใช่สงครามที่ก้าวร้าวรุนแรง แต่เป็นการได้อำนาจในการปกครองของจิตใจ
ลูกจะต้องเผชิญหน้าและต่อสู้กับความอ่อนแอของตนเอง จงเป็นผู้เอาชนะความโกรธ ความโลภ ความผูกพันยึดมั่น และตัณหาราคะนั้นคือศัตรูที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ไม่มีความก้าวร้าวรุนแรงใดๆในตัวลูก การจะเอาชนะได้นั้น...ทำให้มั่นคงว่าลูกคือดวงวิญญาณ
- อรชุนตอบรับ...
ฉันคือดวงวิญญาณ และนี่คือร่างกายของฉัน
ฉันพร้อมที่จะทำตามท่าน และวางคำพูดของท่านไว้บนดวงตาของฉัน ฉันพร้อมที่จะรับฟังและนำไปปฏิบัติ ท่านอยู่กับฉัน ด้วยการจดจำท่าน ฉันอุทิศทุกสิ่งให้กับท่าน
พระเจ้า...“อะไรคือเป้าหมายและวัตถุประสงค์ของลูก?”
- ลูกจะกลับมาเพียบพร้อมสมบูรณ์อีกครั้ง ลูกจะมีอำนาจการปกครองเหนือจิตใจและบุคลิกภาพของตนเอง ลูกจะปกครองโลกของลูก และสุขสันต์กับชีวิตของเจ้าชาย...แล้วจะมีอะไรอื่นอีกเล่านอกจากนี้?

บทที่ 2 : ลูกเรียกสิ่งนี้ว่าโยคะ แต่พ่อเรียกว่า พ่อและลูกอยู่ด้วยกัน
ด้วยการสู้รบที่ไม่ใช้ความก้าวร้าวรุนแรงนี้ ลูกจะเป็นผู้ใจบุญ
พ่ออธิบายทุกสิ่งอย่างชัดเจน ลูกต้องเข้าใจด้วยสติปัญญาและจดจ่อจิตใจขณะรับฟัง(มานมานะบาฟ)
พ่ออธิบายกับลูกๆดวงวิญญาณว่า จิตสำนึก, สายตา, คำพูด, การกระทำของพ่อเป็นเช่นไร ของลูกก็เป็นเช่นนั้น
เวลานี้รับฟังและเปลี่ยนแปลงตนเอง
พ่อคือ ชีวา ผู้ให้คุณประโยชน์ รูปของพ่อเป็นรูปดวงดาว จุดแห่งแสง ผู้ปลดปล่อย ผู้ที่ให้การหลุดพ้นจากบาปและความไม่บริสุทธิ์
โลกของพ่อคืออาณาเขตสูงสุด ในทำนองเดียวกัน โลกของลูกก็คืออาณาเขตสูงสุดด้วย
ลูกไม่ได้เป็นของโลกที่ไม่บริสุทธิ์นี้ ลูกต้องแยกตัวของลูกเองออกจากสิ่งนี้
พ่อเห็นความสมบูรณ์พร้อมของผู้มีตัวตนที่กำลังทำความเพียรพยายาม (บราห์มิน)
พ่อให้คำสอนผ่านปากบราห์มานี้เพื่อให้ลูกตระหนักและมีสำนึกรู้เป็นดวงวิญญาณ เป็นอิสระจากสำนึกที่เป็นร่าง(แหล่งของความทุกข์ทั้งหมด)
ลูกอาจลืมพ่อ...แต่เป็นไปไม่ได้ที่จะแยกจากพ่อ

บทที่ 3 : เวลานี้มารับทุกสิ่งที่พ่อนำมาให้ลูก
พ่อคือพ่อของลูก...ลูกเชื่อฟัง ไว้วางใจ และทำตามพ่อ
ลูกต้องเป็นอิสระจากความทุกข์ ละทิ้งสำนึกที่เป็นร่าง และมีสำนึกเป็นดวงวิญญาณ
จดจำพ่อ ลูกคือลูกของพ่อ พ่อมาให้ทุกสิ่ง
จงละทิ้งความโกรธ โลภ ตัณหาราคะ
พ่อไม่ได้มารับอะไรจากลูก
พ่อคือดวงวิญญาณสูงสุด ผู้สร้าง โลกนี้เป็นนิรันดร์
พ่อมาสร้างโชคของลูก พ่อมาครั้งเดียวในยุคบรรจบพบกัน พ่อทำให้ลูกบริสุทธิ์ พาลูกกลับบ้าน พ่อมาให้มรดกของความสงบ ความรัก สัจจะ ความสุข และสร้างสวรรค์
พ่อและลูกไม่มีตัวตน
เมื่อลูกฟังพ่อ จิตใจ สติปัญญาของลูกอยู่กับพ่อ
คำสอนของพ่อพิเศษสุด เมื่อลูกอยู่กับพ่อ ความสงบที่ไม่มีขีดจำกัดอยู่กับลูก
จิตใจของลูกเป็นเช่นพ่อ มานมานะบาฟ พ่อให้หนทางสู่ความสมบูรณ์พร้อม
ลูกเต็มไปด้วยคุณธรรม การกระทำที่สูงส่ง
ลูกเรียกตนเองว่าบราห์มิน เมื่ลูกทำตามพ่อ คุณค่าสูงส่งคือโชคของลูก พ่อคือผู้รับใช้
ลูกต้องทำงานรับใช้ด้วยเช่นกัน

บทที่ 4 : บทบาทดั้งเดิมของลูกนั้นไร้มลทิน แสดงตัวตนที่แท้จริงออกมา
การมีประสบการณ์ของโชค ลูกต้องกลายเป็นคนรับใช้
ทัศนคติที่จะกระทำต้องเป็นไปเพื่อรับใช้ดวงวิญญาณมนุษย์ ซึ่งไม่ง่าย เพราะความหลงทะนงตน
ลูกและพ่อทั้งสองมีบทบาทบนเวทีของโลก
บทบาทของพ่อ คือการให้ความรู้ทางจิต พ่อมาปลดปล่อยดวงวิญญาณมนุษย์ทั้งหลายจากความทุกข์ ไม่มีใครอื่นมีบทบาทนี้ พ่อมาพร้อมกับบทบาท และไม่เคยสร้างความหลงทะนง ความคิด คำพูด การกระทำก็เหมือนกัน สำนึกรู้ก็คงอยู่อันเดียวกันกับการกระทำ
บทบาทของลูก คือการไปรอบวงจรของการเกิดและการตาย การกลับมาเกิด บทบาทของลูกนั้นไร้มลทิน แสดงออกซึ่งตัวตนที่แท้จริง แล้วลูกก็แยกตัวเองห่างออกไปจากบทบาท และสร้างความหลงทะนงตนขึ้นมา
ลูกจำเป็นต้องเข้าใจว่า การจะกลายเป็นผู้ที่มีสมาธิ จดจ่ออยู่ทั้งตัวตนและบทบาท ไม่ใช่แค่เป็นผู้สังเกตการณ์ แต่มีทั้งสองในเวลาเดียวกัน....รู้จักตนเองและบทบาท มีสมาธิจดจ่ออยู่ที่ตนเองหมายถึงดวงวิญญาณมีสำนึกรู้ในธรรมชาติของตน คุณสมบัติของตน และเอกลักษณ์ดั้งเดิมของตน "ฉันดวงวิญญาณ เป็นผู้สร้างโลกของฉันเอง" ในสำนึกรู้นี้ จิตใจและสติปัญญาของฉันมั่นคง บทบาทของการเป็นนักเรียนนั้นดีที่สุด
จงทำให้ตนเองเป็นเหมือนพ่อ สันสการ์ของพ่อคือของลูกด้วยเช่นกัน

บทที่ 5 : ไม่มีการกระทำใดที่สูงไปกว่าการกระทำของผู้รับใช้
พ่อสามารถมองเห็นรูปดั้งเดิมของดวงวิญญาณ รูปสมบูรณ์พร้อมของลูก รูปปัจจุบันและรูปอนาคต
พ่อไม่ได้ถูกผูกไว้ด้วยเวลา ไม่มีอดีต ไม่มีปัจจุบัน ไม่รู้จักอนาคต ไม่มีช่วงเวลาใดที่พ่อไม่คงอยู่ ไม่มีเบรก(จุดหยุดพัก)ในการตระหนักรู้ของพ่อ ลูกจึงเรียกพ่อว่า เมล็ดพันธุ์แห่งความรู้สึก พ่อตระหนักรู้เสมอ ไม่เคยมีช่วงเวลาไหนที่พ่อไม่รู้สึกตัว ลูกมีช่วงพักในการตระหนักรู้ของลูก ลูกไม่ได้มีสติอยู่ตลอดเวลา ลูกมีขีดจำกัดด้วยร่างกาย ในขณะที่พ่อไม่มีร่างกาย พ่ออยู่กับความเป็นจริง ในขณะที่ลูกอยู่ในความฝัน
พ่อบริสุทธิ์เสมอ ไม่ถูกดึงดูดโดยความอยากปรารถนาใดๆ ลูก อรชุน ถูกดึงดูดด้วยความอยากปรารถนาที่จะไปถึงบางแห่ง ลูกไม่ศักดิ์สิทธิ์ แต่ลูกปรารถนาที่จะถูกเรียกว่าศักดิ์สิทธิ์ ลูกไม่มีประสบการณ์ความยิ่งใหญ่ แต่ลูกปรารถนาที่จะมีประสบการณ์ความยิ่งใหญ่ นี่คือความฝันของลูก ลูกกำลังฝันถึงอนาคตและสำนึกผิดเกี่ยวกับอดีต พ่อไม่เคยฝัน พ่ออยู่กับความจริงเสมอ
อรชุน ลูกต้องรับใช้วรรณะที่ต่ำที่สุดของมนุษย์ ถ้าใครบางคนได้รับการยกย่องสำหรับการรับใช้ เป็นสิ่งที่ดีและเป็นผู้ที่สวยงาม นั่นไม่ใช่เป็นการกระทำที่ยิ่งใหญ่ แต่ถ้าใครได้รับคำชมว่ารับใช้คนที่โกรธและหมดแรง(หมดพลัง) นั่นคือการกระทำของความเมตตาที่ยิ่งใหญ่ ลูกต้องรับใช้ผู้ที่ทาโมประธาน พ่อไม่เคยกลับมาทาโมประธานแต่ลูกเป็น
อรชุน ลูกและพี่น้องชายก็เหมือนกัน เพียงบทบาทเท่านั้นที่แตกต่างกัน เวลานี้ลูกกลับมารู้แจ้งแล้วและดังนั้น ลูกเข้าใจว่าลูกเป็นคนหนึ่งที่เล่นบทบาทของลูก
พ่อไม่ได้เข้ามาในวงจรของการเกิดและการกลับชาติมาเกิด พ่อบริสุทธิ์เสมอ ลูกได้ใช้ 84 ชาติเกิด และไปจากความบริสุทธิ์โดยสมบูรณ์สู่ความไม่บริสุทธิ์สมบูรณ์
พ่อคือมหาสมุทรแห่งความรู้ บริสุทธิ์เสมอ มหาสมุทรของความสงบ มหาสมุทรของความรัก กำลังมาที่นี่เพื่อรับใช้ลูกทั้งหมด ทำให้ลูกบริสุทธิ์และพาลูกกลับบ้าน
ด้วยการรักษาความเป็นมิตรกับพ่อ ลูกเรียกสิ่งนี้ว่าโยคะ พ่อเรียกว่าการอยู่ด้วยกัน เมื่อลูกอยู่ในความเป็นมิตรกับพ่ออย่างสม่ำเสมอ ลูกกลับมาเหมือนกัน
เมื่อลูกรับฟังพ่อเช่นนี้ ลูกจดจำพ่อ
เมื่อลูกเดินกับพ่อ ลูกจดจำพ่อ
เมื่อลูกทำตามพ่อ ลูกจดจำพ่อ

บทที่ 6 : ในความเป็นจริง ไม่มีความตาย
พระเจ้าอธิบายความลับของการมีชีวิตและความตายแก่ดวงวิญญาณ
พระเจ้า พ่อ ไม่มีตัวตนเสมอ มีชีวิตอยู่เสมอ ไม่เคยตาย
ลูก ดวงวิญญาณ ก็เป็นเหมือนกันกับพ่อ ไม่มีตัวตน มีชีวิตอยู่เสมอ ไม่เคยตาย
ลูกแค่เล่นบทบาทผ่านร่างกาย ในการแสดงนี้
ลูกรับเอาร่างกายมาและเล่นบทบาทของลูก เมื่อบทบาทสิ้นสุดลง ลูกก็ไปรับร่างอื่น, และเล่นบทบาทนั้น
เมื่อลูกเริ่มเชื่อว่าลูกคือร่างกาย ลูกเริ่มคิดว่ามีความตาย
ในความเป็นจริง ไม่มีความตาย แค่ตอนที่ลูกกำลังฝันเท่านั้น, ที่มีความคิดว่ามีความตาย
เวลานี้ พ่อทำให้ลูกรู้แจ้งแล้ว พ่อไม่มีตัวตน และลูกอยู่ในความเป็นแสง ตอนนี้ลูกได้รู้แจ้งแล้ว
ดังนั้นจงพิสูจน์ให้ทุกคนเห็นว่า พวกเขานั้นไม่เคยตาย ไม่เคยมีใครตาย

บทที่ 7 : เวลานี้ อรชุน ฟังคำสั่งของพ่อ และจดจำหนทางกลับบ้าน
-พ่อสอนการอยู่อย่างไม่มีตัวตน ลูกไม่ต้องฝึกฝนสิ่งนี้ ลูกเป็นเช่นเดียวกับพ่อ คือไม่มีตัวตน ดังนั้นลูกสามารถเป็นสิ่งนั้นได้
-พ่ออธิบายเกี่ยวกับชีวิตและความตาย
พ่อไม่เคยพ่ายแพ้แม้ในความคิด ลูกพ่ายแพ้ต่อมายา มายาเป็นผู้ล่า ลูกเป็นเหยื่อ หนึ่งนาทีมีชัยชนะ นาทีถัดไปลูกพ่ายแพ้ ลูกพ่ายแพ้จิตใจตนเอง จิตใจไล่ล่าลูก สันสการ์ไล่ล่าลูก คำสั่งแรกของพ่อคือ จงต่อสู้ในสงครามที่ไม่ก้าวร้าวรุนแรงนี้ ไม่มีการฆ่าผู้ใด ลูกไม่ไล่ล่าผู้ใด
-พ่ออธิบายทำไมลูกจึงกลายเป็นนายของโลก
ไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้นโดยไมมีเหตุผล ลูกมีความปรารถนาที่จะเห็นโลกนี้ และลูกก็มีความปรารถนาที่จะอยู่กับพ่อ ลูกมีความปรารถนา (desires)ทั้งสองนี้ พ่อไม่มีความปรารถนาทั้งสองนี้ ไม่ปรารถนาที่จะเห็นโลก และไม่ปรารถนาที่จะอยู่กับลูก พ่อไร้ความปรารถนาตลอดเวลา ( Desire- less forever) เหตุนี้เองลูกจึงกลายเป็นนายของโลก ลูกเรียกพ่อว่าผู้สร้างโลก แต่โลกนี้คงอยู่ตลอดไป พ่อไม่มีมือ ค้อนหรือตะปู ลูกเรียกพ่อว่าเป็นผู้สร้างเพราะพ่อเป็นผู้แรกที่เห็นโลก เพราะพ่อไม่มีความอยากปรารถนาใดๆ การมองเห็นของพ่อ (my vision) จึงชัดเจนเสมอ ด้วยการมองเห็นโลกนี้อย่างชัดเจน พ่อเป็นผู้มีนิมิต ลูกจึงพิจารณว่าพ่อเป็นผู้สร้างโลก
-เพราะลูกปรารถนาที่จะเห็นโลกนี้
ลูกได้ลืมหนทางกลับบ้าน พ่ออธิบายว่า ลูกและพ่อเป็นเช่นเดียวกัน มาและไป มาจากบ้านสูงสุด ที่นี่ เพราะลูกมีความปรารถนาที่จะเห็นโลกนี้ ลูกได้ลืมหนทางกลับบ้าน ลูกเป็นเช่นพ่อ เราทั้งสองรู้หนทางกลับบ้าน พ่อไม่สามารถสอนลูกถึงวิธีกลับบ้าน ลูกต้องจดจำหนทางนั้นด้วยตนเอง เวลานี้ ความปรารถนาที่สองของลูก-ที่จะอยู่กับพ่อ จะแสดงให้ลูกเห็นหนทางนั้น โดยการอยู่กับพ่อ ด้วยพ่อ ลูกจะจำหนทางกลับบ้านได้ ไม่มีสิ่งใดที่มากไปกว่านี้ที่จะต้องรู้ นอกจากการรู้วิธีที่จะกลับบ้าน นี่เป็นเพียงสิ่งเดียวที่ต้องรู้ โดยการอยู่ในความเป็นมิตรของพ่อ ลูกจะจดจำหนทางกลับบ้านได้
-ลูกคือบราห์มา เมื่อลูกนำสิ่งที่พ่อสอนลูกไปปฏิบัติ ลูกก็กลายเป็นบราห์มา พ่อรักบราห์มามากกว่าสิ่งใดอื่น พ่ออยู่กับลูกเสมอ แม้ว่าลูกปล่อยมือพ่อไป พ่อจะไม่ปล่อยลูก จะอยู่กับลูกจนจบวงจรนี้
-ลูกๆทั้งหมดเป็นของพ่อ ไม่เพียงเฉพาะผู้มีความรู้เท่านั้น ดังนั้น อรชุน จงช่วยพี่น้องของลูกผู้ที่ไม่มีความรู้ให้จดจำหนทางกลับบ้าน
อรชุน: เมื่อฉันอยู่อย่างมั่นคงกับบทบาทของฉัน ฉันสามารถเห็นบ้าน ฉันอยู่ที่บ้าน ฉันเข้าใจ ว่า หนทางกลับบ้านของฉันเป็นไปด้วยบราห์มา
พระเจ้า: ใช่ อรชุน บราห์มาเป็นสิ่งสร้างของพ่อ
อรชุน: ท่านพูดว่า สิ่งสร้างของเราไม่ใช่วัตถุธาตุ
พระเจ้า: ไม่ใช่ อรชุน นั่นไม่อยู่ในความฝัน
อรชุน: ลูกเข้าใจแล้วว่าในเวลานี้ สิ่งสร้างของฉันคือการเห็นของฉัน
พระเจ้า: ใช่ เมื่อลูกได้เห็นสิ่งนั้นแล้วทั้งหมด ลูกจะกลับบ้าน
อรชุน: เมื่อฉันได้เห็นทุกสิ่งที่จะต้องเห็นในสิ่งสร้างของฉัน ฉันจะกลับบ้าน

บทที่ 8 : มีความนับถือต่อสิ่งสร้างของดวงวิญญาณ
เรื่องของการกลายเป็นผู้รู้แจ้ง เมื่อเรารู้แจ้งว่าเราคือดวงวิญญาณที่อมตะ ไม่เคยเกิดและไม่เคยตายเหมือนกับพ่อ
ด้วยการที่ลูกได้รวมเป็นหนึ่งเดียวกันกับพ่อ ทำให้มีความเคารพสูงสุดต่อพ่อและแม่ และเคารพต่อสิ่งสร้างของแต่ละดวงวิญญาณ จึงทำให้เราเป็นอิสระ อยู่เหนือบ่วงกรรม อยู่เหนือขีดจำกัด ขนบธรรมเนียมประเพณีทางสังคม โดยปราศจากกรรมที่จะต้องชำระสะสาง
เรา เป็นผู้รู้แจ้ง มีความรู้ จึงสร้างกรรมด้วยความรู้ใหม่ คือการมีสำนึกเป็นดวงวิญญาณที่อมตะ
เราเอาชนะความผูกพันได้ด้วยการมีสำนึกรู้ที่ถูกต้องและมีความเคารพสูงสุดต่อพ่อและแม่
ดังนั้นความเป็นอิสระจึงเกิดจากความรู้แจ้งนั่นเอง

บทที่ 9 : ดวงวิญญาณคือเป้าหมายของทุกสิ่ง
ลูกต้องมีความเคารพสูงสุดต่อพ่อแม่ ผู้ที่ให้กำเนิดสิ่งสร้าง ลูกจะต้องมีความเคารพต่อสิ่งสร้างที่พ่อสร้างด้วยเช่นกัน ลูกต้องทำตามการกำหนดของพ่อเท่านั้น ลูกจึงจะสามารถไปอยู่เหนือบ่วงกรรมและเป็นอิสระจากความผูกพันยึดมั่น เป้าหมายของลูกคือการรู้จักตนเอง รู้จักดวงวิญญาณ และรู้จักพ่อ จบสิ้นความเป็นฉันและของฉัน ปราศจากความหลงทะนงตนด้วยความเคารพตนเอง

บทที่ 10 : ลูกต้องถึงจุดหมายปลายทางอย่างรวดเร็วมากเท่าที่จะเป็นไปได้
นี่คือสงครามที่ยิ่งใหญ่
พ่อ..เป็นผู้บังคับบัญชากองทัพที่ยิ่งใหญ่..
มหากาฬ..ดรามราช..เป็นความตายเหนือความตายทั้งหมด..
พ่อมาทำลายความหลอกลวงทั้งหมด..
เพียงพ่อเท่านั้นที่ทำสิ่งนี้ได้..
พ่อสามารถทำได้ด้วยตนเอง เพราะพ่อคือผู้ทรงอำนาจ
พ่อสามารถชนะสงคราม..
พ่อปราศจากความเมตตา
พ่อออกคำสั่ง...
"จงต่อสู้อย่างที่ไม่เคยต่อสู้มาก่อน"
อย่าได้แบกใครที่มีบาดแผลไปกับลูก..
อย่าพยายามลากใครไปกับลูก...
อย่าได้รอคอยใคร..
อย่าได้มองกลับไปข้างหลัง เพื่อดูสิ่งที่พวกเขากำลังทำอยู่
อย่ามองข้างๆหรือมองข้างบน
อย่ามองดูผู้ใด...
มองพ่อผู้เดียวเท่านั้น..
ลูกไม่สามารถแตะต้องพ่อได้
พ่อยืนเคียงข้างลูก..
พ่อยืนถัดจากลูก
ลูกไม่สามารถเห็นพ่อและสัมผัสพ่อ...
ลูกสามารถเข้าใจพ่อได้
พ่อออกคำสั่งกับลูก...
"จงต่อสู้"
ลูกต้องเอาชนะสงครามนี้
(ต่อสู้กับราวัณ)
วิธีเดียวที่จะชนะสงคราม
จงขจัดความหวังทั้งหมดที่มีในโลกนี้....
พ่อไม่เคยมีความหวังใดๆในโลกนี้เลย...
ลูกมีความหวังว่า ..
ลูกจะเป็นที่เคารพ..
ลูกจะเป็นที่รัก...
แทนการเติมเต็มความหวังของลูก..
ผู้คนพยายามจะฆ่าลูก
อย่าได้มีความกลัว...
พ่อไม่มีความกลัวใดๆ
ผู้เดียวที่ปราศจากความกลัว
"จงสู้อย่างที่ไม่เคยสู้"
จดจ่ออยู่กับเป้าหมายเท่านั้น
ไม่ต้องมีความสนใจกับสิ่งใดอื่นเลย...
ลูกต้องไปถึงที่นั่นเป็นอันดับแรก...
จงต่อสู้และเอาชนะสงคราม
ขจัดความหวังทั้งหมดออกไป
"สวาดาชันจักระดารี"
คือเครื่องประดับที่สวยงามที่สุด..
ลูกมีสิ่งนี้อยู่เสมอ...
มีไข่มุกในดวงตาของลูก...

บทที่ 11 : ทำให้ความคิดของลูกพักอยู่เพียงที่พ่อ แล้วลูกจะมีชัยชนะ
ไม่มีคำว่าพ่ายแพ้หรือชัยชนะที่แท้จริง มีเพียงแค่การยอมรับและการไม่ถูกกระทบ
หากเราสามารถมองเห็นความพ่ายแพ้โดยไม่หวั่นไหว ไม่กลัว และไม่มีข้อสงสัย – นั่นคือชัยชนะที่แท้จริง
ในสนามรบ ไม่มีความรัก...ความรักที่แท้คือความรักต่อพระเจ้า (Brahma) ไม่ใช่ศัตรูหรือโลกภายนอก พระเจ้าจะรักเราเสมอ ไม่ว่าเราจะปล่อยมือหรือหลงลืมท่านไป
พระเจ้าบอกว่า แม้เราจะกลัวหรือลังเล แต่ท่านยังอยู่กับเราเสมอ การวางจิตใจและความคิดทั้งหมดไว้ที่พระเจ้าเท่านั้น คือหนทางแห่งชัยชนะที่แท้จริง

บทที่ 12 : สำหรับผู้ที่รู้แจ้ง สิ่งนี้ง่ายดายตรงไปตรงมา
เมื่อพระเจ้าอธิบายการเข้า-ออกบทบาทของลูกในวงจรละครโลก แล้วจึงถามว่าลูกต้องการอะไรต่อจากนี้..."จีวันมุกตี"(หลุดพ้นได้ชีวิตอมตะ) และนั่นก็เป็นคำตอบที่พระเจ้าพึงพอใจที่สุด
อรชุนอธิบายว่า ลูกจะยิ่งดีใจและมีความสุขมาก หากลูกจะได้ลงมาเกิดเป็นพี่เป็นน้องร่วมกันอีก
พระเจ้าจึงชี้หนทางไปสู่จุดหมายปลายทางด้วยเพียง 10 วิธีนี้
1. ตายอย่างมีชีวิตต่อทุกสิ่ง
2. เชื่อมโยงสติปัญญากับพ่อ
3. ทำให้ตนเองสูงส่ง
4. จบทุกความคิด(รับฟังศรีมัทจากพ่อ)
5. ละทิ้งการกระทำที่เป็นร่าง
6. กลับมาปราศจากกิเลส
7. แบ่งปันความรู้นี้กับผู้อื่น
8. ให้กระดูกนี้กับยักย่า (ดูแลยักย่า ให้ความร่วมมือ)
9. ละทิ้งอีโก้ ความหลงทะนงตน
10. กลับมาอยู่ในสภาพคาร์มาทีท(เหนือบ่วงกรรม)
พระเจ้ากำชับอรชุนว่า "จงแบ่งปันสิ่งนี้ให้กับผู้อื่น"

บทที่ 13 : การละเล่นของวัตถุธาตุนั้นสมบูรณ์แบบ
พระเจ้าสอนให้ตระหนักรู้ถึงธรรมชาติดั้งเดิมไม่มีตัวตนนี้เสมอ แม้ลูกต้องมาสู่โลกที่มีตัวตน เฝ้าแต่เป็นผู้เฝ้ามองละครที่ไม่มีวันจบสิ้นที่มหัศจรรย์นี้ เฝ้าแต่เล่นบทบาทของตนอย่างสนุกสนานเบื้องหน้าพ่อ โดยไม่แทรกแซงที่ต้องทำให้อะไรต้องเปลี่ยนไป ไม่แม้ถูกดึงดูด
เป็นการแสดงของวัตถุธาตุที่สมบูรณ์แบบ อย่าได้ติดกับเมื่อลูกต้องขึ้นสู่บนเวที ร่วมที่จะเล่นและต้องการทำให้มันเปลี่ยนไป ลูกต้องเป็นอิสระ ยืนถัดจากพ่อ เป็นแม่ผู้ไร้เดียงสาที่ใกล้ชิดที่พ่อรักมากที่สุด เป็นผู้ที่เอื้อต่อการดูแล อยู่ด้วยกันกับพ่อเสมอ จดจำพ่อจากหัวใจ

บทที่ 14 : พ่อเป็นคนรับใช้ที่ถ่อมตนของลูกนะ อรชุน
พระเจ้า เป็นพ่อที่ความรักต่อลูกมากๆ ท่านให้การยกย่องลูก ผู้เป็นแม่ที่ไร้เดียงสาที่ได้รับเลี้ยงพ่อ พ่อมาให้ความรู้ สอนให้ลูกใช้สติปัญญาเพื่อไตร่ตรองความรู้ พ่อเป็นมิตรร่วมทาง เป็นทุกสิ่งของชีวิต พ่อมาสอนลูกให้มีความรักสำหรับตนเองและผู้อื่น พ่อตระหนักเสมอว่าพ่อคือพระเจ้า พ่อบอกให้ลูกจดจำพ่อและมีความรักสำหรับพ่อและพี่น้องชาย
พ่อกลับมาทำให้ลูกสูงส่งเช่นพ่อ และพ่อเองก็เป็นผู้รับใช้ที่ถ่อมตน มีความสุขเสมอที่จะรับใช้ลูก ปิติสุขเสมอ ร่าเริงเสมอ สดชื่นแจ่มใส พ่อรับใช้ลูกตั้งแต่ลูกเกิดมา รับใช้ทั้งกลางวันและกลางคืน จิตใจของพ่อไม่เคยมีประสบการณ์ของความทุกข์ หรือความคิดที่เป็นกิเลสใด ๆ พ่อไม่ได้รับใช้ธรรมชาติ พ่อเฝ้าดูเกมของวัตถุธาตุ ไม่ได้รับใช้ธรรมชาติ รับใช้เพียงแค่ลูกและพี่น้องชายของลูก
การเป็นผู้รับใช้ ลูกต้องเป็นหนึ่งเดียวกับบทบาท คือการไร้ซึ่งความหลงทะนงตน ลูกจึงสามารถเป็นผู้รับใช้ได้ ลูกต้องกลายเป็นผู้รับใช้ที่ถ่อมตนสำหรับพี่น้องชาย ลูกจะมีความสุขเสมอ ลูกต้องทำความเข้าใจว่าการจดจำระลึกถึง เมื่อลูกเข้าไปสู่การแสดงของวัตถุธาตุ “ลูกนั้นอยู่กับพ่อ เมื่อลูกอยู่กับพ่อ ลูกไม่ได้จดจำ” ลูกอยู่ในสนามรบ หน้าที่ของลูกมีเพียงการเป็นผู้รับใช้ และการมีความสุขอยู่เสมอ “ความคิดสุดท้ายจะนำไปสู่ปลายทางของลูก” ดวงวิญญาณนี้น่าอัศจรรย์มาก “ดวงวิญญาณเป็นเหมือนกับพระเจ้า ดวงวิญญาณนี้ทัดเทียมกับพระเจ้า” ลูกต้องนำความคิดไปสู่การกระทำ ลูกกลายเป็นผู้ที่มีค่าสู่การไปยังสวรรค์

บทที่ 15 : ลูกได้ลืมไปว่า ลูกคือเจ้าสมุทร
ลูกได้ลืมว่าตนเองคือมหาสมุทรผู้ยิ่งใหญ่ พ่อคือผู้รู้ ผู้เห็นทุกสิ่งตามความเป็นจริง ไม่มีความหลอกลวงหรือจินตนาการ มีเพียงความสงบ ปิติ และเมตตา ลูกต้องจดจำตนเองว่าเป็นผู้รับใช้ที่ถ่อมตนและปราศจากความอยากใดๆ การรับใช้ที่แท้คือการช่วยให้ผู้อื่นปลอดจากพันธนาการ และเป็นผู้สังเกตการณ์ในละครแห่งชีวิตอย่างสงบนิ่ง

บทที่ 16 : พ่อไม่สามารถเอาชนะสงครามได้ โดยปราศจากนิ้วแห่งความร่วมมือของลูกแต่ละคน
พ่อ โปรดบอกฉันถึงวิธีที่จะปลุกผู้อื่นให้ตื่นขึ้น
พ่อพูดว่า พวกเขาตื่นอยู่เรียบร้อยแล้ว พวกเขาคือพี่น้องของลูก พวกเขาต้องการช่วยเหลือของลูกให้เอาชนะสงคราม จงใช้นิ้วของความร่วมมือของพวกเขา แล้วลูกจะมีชัยชนะ ลูกต้องยอมรับการช่วยเหลือที่แต่ละคนกำลังให้และใช้สิ่งนั้น แม้แต่พ่อแม่ จากผู้ที่ไม่มีความรู้
อรชุนถามว่าอะไรคือวิธีที่จะรักษาดวงตาให้เปิดอยู่ พระเจ้าพูดว่าดวงตานั้นเปิดเพียงด้วยความรักของลูกที่มีสำหรับพ่อเท่านั้น ลูกได้จดจำพ่อและก็ไม่ได้มีความรักสำหรับพ่อ เวลานี้จงรักพ่อและลืมพ่อ และทำหน้าที่ของลูกของการเป็นคนรับใช้ที่แท้จริง พ่อจะทิ้งลูกไว้ด้วยตัวของลูกเองอรุชุน เพื่อให้เอาชนะสงคราม อรชุนพูดว่า พ่อลูกได้กำลังบอกถึงคำแนะนำตัวของพ่อแก่ทุกคน และขอความช่วยเหลือของพวกเขาเพื่อที่จะเอาชนะสงคราม สิ่งนี้กำลังทำให้ฉันถ่อมตน ไม่ได้ให้สิ่งใดแก่พวกเขา ขอดวงวิญญาณมนุษย์ที่เป็นพี่น้องของฉัน ให้ช่วยเหลือฉันในการเอาชนะสงครามนี้ ขอบคุณสำหรับการช่วยเหลือของพวกเขา
อรชุนถามทุกคนว่า พวกท่านกำลังต้องการอะไร และต้องการให้ฉันทำอะไร ฉันสามารถทำอะไรเพื่อที่จะได้รับการช่วยเหลือของพวกท่าน เพราะฉันไม่สามารถเอาชนะสงครามโดยปราศจากนิ้วของความร่วมมือของพี่น้องแต่ละคนได้

บทที่ 17 : ความสุขคือข้อพิสูจน์โยคะของลูก และนั่นคือข้อพิสูจน์ญาณของลูก
“พ่อรักลูกมาก” และถามว่า...“ลูกยังคงมีความผูกพันหรือไม่”
อรชุนตอบว่า "ใช่.."
ท่านจึงอธิบายว่าทำไมถึงเป็นเช่นนั้น
ต้นเหตุของความผูกพันยึดมั่นเกิดจากความไม่มั่นคง เนื่องจากการไม่รู้จักตัวเอง ลูกจึงรู้สึกไม่มั่นคง และแสวงหาการค้ำจุนจากสิ่งอื่น
ดังนั้น พระเจ้าจึงให้อรชุนรับการค้ำจุนจิตใจจากท่าน รู้จักท่านให้มากขึ้น เพื่อให้เข้าใจตัวตนที่แท้จริง จึงมีความมั่นคงในชีวิตมากขึ้น และทำให้ปราศจากความผูกพันยึดมั่นได้ในที่สุด
อรชุนตระหนักได้ว่า "ลูกต้องรักพ่อและระลึกถึงหน้าที่เป็นสำคัญในการดูแลพี่น้อง และชนะสงครามด้วยความช่วยเหลือจากทุกดวงวิญญาณรอบตัว"
พระเจ้ากล่าวว่า อรชุนไม่จำเป็นต้องขอความช่วยเหลือ เพราะพี่น้องของเขาพร้อมที่จะสนับสนุน เขาเพียงแต่ต้องเปิดใจมองเห็นการสนับสนุนที่มีอยู่รอบตัว "เห็นอย่างที่พ่อเห็น" และยอมรับว่าชีวิตเป็นเหมือนการเล่นเกม ที่การเห็นและเปลี่ยนมุมมองสามารถทำให้เขาก้าวไปข้างหน้าได้โดยไม่ต้องต่อสู้ในสงคราม
ในส่วนของความรู้พระเจ้ากล่าวว่า...
"พ่อเป็นมหาสมุทรแห่งความรู้ ความรู้ทั้งหมดอยู่ภายในพ่อ"
"...ความรู้ของวงจร สามโลก ตัวลูก และตัวของพ่อเองล้วนอยู่ภายในพ่อ และแม้แต่ตอนนี้ก็ยังคงอยู่ในตัวพ่อเสมอ..."
ท่านมาและให้ความรู้นี้เพื่อสร้างยุคแห่งการบรรจบกันด้วยตัวท่าน และด้วยพลังของท่านเอง
จงรับเอาความรู้นี้ไปทั้งหมด และเป็นผู้ช่วยของท่าน ไม่มีเรื่องของการร้องขอความช่วยเหลือใดๆ แม้แต่น้อย
ท่านยังกล่าวอีกว่า ผู้คนทั่วไปมักจะรับความรู้เพียงบางส่วน และทำความเข้าใจได้ไม่ครบถ้วน จึงไม่สามารถใช้ประโยชน์จากความรู้นั้นได้
พระเจ้าบอกกับอรชุนว่า ผู้ที่จะมีความสมบูรณ์พร้อมจะรับเอาความรู้นี้ทั้งหมด แล้วนั่งบนกองไฟแห่งความรู้ และเผาผลาญทุกสิ่งกระทั่งไม่มีสิ่งใดหลงเหลืออยู่
"จงรับความรู้นี้ไปทั้งหมดนะอรชุน" พระเจ้าพูด
เมื่อใดที่ความรู้ทั้งหมดสิ้นสุดลง บทบาทของท่านก็สิ้นสุดลงด้วย แต่สิ่งนี้ไม่ใช่สำหรับอรชุน อรชุนยังคงอยู่ และเป็นบทพิสูจน์ของความรู้ และต้องสอบผ่านด้วย
พระเจ้าถามอรชุน "อะไรคือบทพิสูจน์ของความรู้ ?"
อรชุนตอบว่า "เป็นความรักต่อพ่อและการรับใช้พี่น้อง"
พระเจ้าตอบว่า นั่นไม่ใช่บทพิสูจน์ บทพิสูจน์ในทางที่เห็นได้ เช่น
- บทพิสูจน์ของอาหารที่สามารถลิ้มรสได้
- ธรรมชาติที่สามารถสัมผัสน้ำได้
- เสียงที่สามารถได้ยินได้
ฉะนั้น ส่วนบทพิสูจน์ของความรู้ คือ การที่ได้รับการปลดปล่อยจากความทุกข์และมีความสุขเสมอ นี่เป็นการสอบผ่าน
"บทพิสูจน์ของความรู้ คือโยคะ โยคะของลูกคือรักพ่อ รักเพียงพ่อเท่านั้น" พระเจ้าจะไม่มีวันปล่อยมือไปจากเรา แม้เราจะปล่อยมือไปจากท่านก็ตาม..."
อรชุนแสดงถึงความสุขในวันเกิดเดียวกับพระเจ้า
พระเจ้ากล่าวว่า ความสุขที่แท้จริงไม่ได้มาจากเหตุภายนอกนี้ แต่เป็นบทพิสูจน์ของ "โยคะ" และเป็นบทพิสูจน์ของ"ความรู้"
บทสนทนาสิ้นสุดลงด้วยความรักที่อรชุนมีต่อพระเจ้า และ พระเจ้ายืนยันว่าความรักนั้นเป็นสิ่งที่ถูกต้อง

บทที่ 18 : รอบรู้(มีปัญญา) หมายถึง ความบริสุทธิ์
ลูกมีเพียงหน้าที่เดียว คือเติมเต็มต่อชีพบาบา เอาใจใส่พ่อ
เวลานี้ให้ทำกับพี่น้องของลูกเหมือนที่พ่อทำ...ลูกจะทำได้ไหมถ้าพ่อไม่อยู่ ณ ที่นี่...ลูกจะต้องเป็นเหมือนพ่อ
ลูกไม่สามารถวิ่งตามความบริสุทธิ์...แต่ลูกจะมีความบริสุทธิ์ เมื่อลูกนั้นตื่นรู้
ลูกจะต้องตื่นรู้ จึงจะบริสุทธิ์สมบูรณ์
ลูกต้องใช้ในสิ่งที่พ่อบอกให้แล้ว ให้ตื่นรู้
ความมีปัญญา(รอบรู้) หมายถึง ความบริสุทธิ์
ลูกจะผ่านการสอบด้วยการคงอยู่เสมอ
สิ่งสำคัญที่สุด อธิบายโชค มีประสบการณ์ในโชค ลูกนั้นมีโชคที่สุด เพราะพระเจ้ารักลูกมาก ท่านวางลูกนั่งบนดวงตาและวางลูกไว้ในหัวใจ และจะไม่มีวันปล่อยลูกไป ลูกก็จะไม่ปล่อยมือพ่อใช่ไหม?


True Seeker ผู้แสวงหาสัจจะที่แท้จริง ย่อมเข้าใจนัยสำคัญด้านจิตวิญญาณของทุกสิ่ง เมื่อแต่ละชิ้นส่วนของจิ๊กซอ(Jigsaw) ที่แต่ละคนเข้าใจมารวมเป็นภาพใหญ่ ในที่สุดทุกสถาบัน ทุกศาสตร์สาขาที่มีฐานของจิตวิญญาณไม่มากก็น้อย จะพร้อมรับฟังเสียงสัญญาณที่ละเอียดอ่อนของ พระเจ้า (God) องค์สัจธรรมที่มีชีวิต (Living Truth) ชีวา (Shiva) ดวงวิญญาณสูงสุดฯลฯ (ตามภาษาที่ใช้)

เวลาที่กำหนด 100 ปี ของยุคเพชรที่เรียกว่ายุคแห่งการมาบรรจบพบกันของดวงวิญญาณมนุษย์และดวงวิญญาณสูงสุด เป็นไปเพื่อชุบชีวิตของพลังงานที่เสื่อมสลาย ทันทีที่พ่อชีวา อวตารลงมา ท่านได้ก่อตั้งยักย่า หรือไฟบูชายัญของความรู้ของรูด้า ตั้งแต่ ค.ศ.1936 เป็นการกำหนดเส้นทางประวัติศาสตร์ของจิตวิญญาณ มีการเปิดศูนย์ราชาโยคะในแต่ละประเทศ ตามกฏเกณฑ์ระเบียบวินัย ในการใช้ชีวิต ตามศรีมัท ที่พระเจ้ากำหนด ... หลังจากมนุษย์ยึดมั่นในศาสนาของตนจนกระทั่ง โลกถึงจุดของการสิ้นศีลธรรม พระเจ้าได้มาทำตามสัญญาด้วยการก่อตั้งยักย่าอย่างถาวร การรื้อพื้นความจำที่ดีงามขึ้นมาอีกครั้ง เริ่มจากครอบครัวเล็กๆ ที่ย้ายเข้ามาสู่ประเทศอินเดีย จากปากีสถาน(ในปัจจุบัน หลังการแบ่งแยกดินแดน) เรียกว่ามธุบัน บ้าน หรือป่าน้ำผึ้งอันแสนหวาน ตั้งอยู่บนภูเขาอาบู รัฐราชสถาน ในวันที่ 5 พฤษภาคม ค.ศ.1950

คนทั่วไปเข้าใจว่า ประวัติศาสตร์ ภูมิศาสตร์ที่ตนศึกษามา มีวัน-เวลา ที่ถูกต้อง โดยไม่รู้ถึงวงจรของเวลา และจุดเริ่มต้น จึงต่างคิดว่า สิ่งที่ตนยึดมั่นนั้นดีที่สุด ซึ่งมาก่อนการก่อตั้ง ราชาโยคะ จนกระทั่งพบความเป็นสากล และยอมรับได้ว่า จุดเริ่มต้นของทุกสิ่งที่เป็นสัจจะ คือ จุดจบของทุกสิ่งที่หลอกลวง... ทุกอย่างขึ้นอยู่กับการจดจำ จุดอัลฟ่า(Alpha point) ที่รวมพลังความจริงแท้อยู่ภายใน

โอกาสนี้ ได้คำอวยพรพิเศษจาก Br.สเตฟาน (Stephane) นักเรียนชาวฝรั่งเศส รุ่นบุกเบิกเกิดทางจิตที่ศูนย์ราชาโยคะ นนทบุรี เป็นตัวอย่างของผู้อุทิศตนทันทีเมื่อจบบทเรียนพื้นฐาน ขณะดำรงตำแหน่งผู้จัดการใหญ่ของบริษัท Trading(ฝรั่งเศส) ในประเทศไทย กลับไปเปิดศูนย์ที่ฝรั่งเศส และเป็นบอร์ดบริหารประเทศ
Stephane RUBIN: Om shanti. Bahut bahut danyavad ! The former baby elephant is now fully mature => moobarako!!! I ll be there in spirit 🥰🥰🥰 (วันเกิดศูนย์ 5 May)

From the heart a very very blissful birthday to my sweet Thai parivar. May this landmark take your ever closer to your final stage. Om shanti🙏🙏🙏

Truly a blessed day🤴🤴🤴 (ส่งรูปยืนยันประวัติของวันที่ ยักย่าย้ายเข้ามธุบัน 5 May เช่นเดียวกัน)
สุดท้ายมีข้อความยกย่องส่งมาเป็นภาษาไทย

ชาวฝรั่งเศส B.K. ครอบครัวยังไม่ประสบความสำเร็จในการสร้างสถานพักผ่อนระดับชาติอย่างแท้จริง สิ่งที่ครอบครัวจิตวิญญาณไทยประสบความสำเร็จเป็นเรื่องที่น่าประทับใจมาก! ยินดีด้วย!


โอกาสนี้ ได้แลกเปลี่ยนข้อคิดของความเป็นนิรันดร์กับสายใยที่มีอิทธิพลในการให้คุณประโยชน์ต่อสังคมไทย และสังคมโลกด้วยความรู้ความสามารถและความรักพระเจ้าอย่างสุดจิตสุดใจ
คำว่า ไม่สิ้นสุดมีเครื่องหมาย Infinity แสดงภาพของการเดินทางของดวงวิญญาณภายในช่วงเวลา 5000ปี ที่ประวัติศาสตร์ ภูมิศาสตร์ซ้ำรอย ตรงกับหลักวิทยาศาสตร์และจิตวิญญาณ ที่ไม่มีใครปฏิเสธได้ในความเป็นสากลนี้

ประวัติศาสตร์ซ้ำรอย
พี่หล้าเห็นว่ามีการใช้ภาพเดียวกันนี้สนทนาธรรมกับสมาชิกกลุ่มของตน จึงได้จังหวะส่งประเด็นการไตร่ตรองมูร์ลีวันที่ 24 พฤษภาคม ที่อยู่ในระบบเข้าระบบ YouTube (แบ่งปันภาษาไทยทุกวัน) เพื่อใช้เวลาแบ่งปันสาระให้เข้าใจชัดเจนยิ่งขึ้น
โอกาสนี้ ขอขอบคุณ Br.Charlie สำหรับการเดินทางจากออสเตรเลียมาทำให้การชุมนุมนั้นมีพลังของความเป็นหนึ่งเดียวกันกับการเป็นผู้นำที่ถ่อมตน ด้วยอำนาจของสัจจะและความบริสุทธิ์
ตารางรายการ การมาเยือนประเทศไทยของ Br.Charlie
ช่วงวันที่ 2-9 พฤษภาคม 2568


4-6 พ.ค. VDO (แปลไทย) ขอบคุณน้องพิน ผู้แปลที่เต็มใจ และเต็มความสามารถอย่างแท้จริง
สรุปสาระ Br.Charlie ที่บางไทร (4-6 พ.ค.2568) (จัดทำโดย Sr.Bowling)

8 พ.ค.
รายการพิเศษ
จัดโดย บ้านสินธุ สมุทรปราการ ตามใบประชาสัมพันธ์



เตือนความจำด้วยภาพ ในการร่วมทำพิธีเปิดที่ทำการของบราห์มากุมารีในประเทศไทย (ซึ่งได้เสร็จสิ้นงานก่อสร้างเพียง 80% เท่านั้น)

วันเกิดศูนย์
4 พ.ค. 15.00 น. ที่ Eating Well Café ลงทะเบียน /เปิดรายการ

คุณป้านักเรียนอาวุโสที่สุดวัย 85 นั่งโบกธงรอต้อนรับ

พี่ปูมอบพวงมาลัย

พี่หล้าแนะนำ

พี่พิณแปล

ช่วง 16.30-17.30 น. ที่ อาคาร Museum Br.ชาลี แบ่งปันประสบการณ์การเป็นญาณีและโยคี(Gyani - Yogi soul) ผู้มีความรักที่สมดุลกับความรู้

18.00 น. รับประทานอาหารเย็นนอกสถานที่บริเวณสนามหญ้า ณ หมู่บ้านดอกไม้แห่งพลังทั้ง 8

และในอาคาร Eating Well Cafe

5 พ.ค. บริเวณ Tower of Peace
มีทางเดินจากด้านในของ Nordika Hill และด้านหน้าของอาคารทำการ เรียกว่า Silent Walk เข้าไปสู่ Silence Zone
ทางเดินด้านหน้าอาคาร จากประตูทางเข้าด้านบราห์มา กุมารี
Zone สำหรับผู้รักความสงบด้วยใจและด้วยปาก แจกความหมายของ Tower of Peace ทั้ง 4 ด้านให้อ่านเองในความสงบ ขณะที่ฟังเพลงสรรเสริญ Tower of Peace ในมธุบัน

บราเตอร์ชาลีเปิด(พี่หล้าแปล) บริเวณ Tower of Peace เราได้นั่งในโยคะ (10-10.30น.)

พิธีชักธง ทุบมะพร้าว หน้าอาคาร
น้ำพุเทวดาน้อยคอยต้อนรับเข้าสู่บ้านนางฟ้า(Angel Home)

ในห้องเรียน วางกระต่ายสวมมงกุฎไว้ เป็นตัวแทนคนศูนย์ น้องต่ายสวมมงกุฏแห่งความร่วมมือ พี่ภาสวมมงกุฏของการยกมอบอาหาร คือถาด offer Bhog

คุณป้าแต่งเค็กรูปแสงอย่างสวยงาม
พร้อมขยายเผ่าพันธ์ุมากมาย... จากครอบครัวกระต่ายทั้งคนศูนย์และผู้ช่วยศูนย์ ซึ่งมีกระต่ายอีก 3 ตัวรอรักษาการณ์อยู่นอกห้อง
Br.Charlie แสดงความยินดีจากใจ ในการมีห้องเรียนกระจกที่สว่างไสว ทำให้เห็นธรรมชาติสวยงามรอบทิศ ทั้งภูเขาและบึงดอกบัว

ศาลากิจกรรม
เชิญทุกคนติดผีเสื้อบนผ้าใบใส สะท้อนหัวใจผีเสื้อ พร้อมเปลี่ยนแปลงจากวิวัฒนาการของตัวหนอน
ศาลาโล่ง ทำกิจกรรมสร้างโลกใหม่ที่สวยงามในความเงียบสงบ
แจกของว่าง(ซาลาเปา) พร้อมของจริงเป็นของขวัญ 18 บทในกีตะ (ให้ติดตามหมายเลขที่ลึกล้ำตอนต่อไป)

ที่ประตูทางเข้า ถ่ายรูปหมู่

บรรยากาศทั่วไปในบริเวณ Nordika Hill
บ้านใหญ่อาคาร Museum ยินดีต้อนรับเสมอ
บางท่านอาจใช้พาหนะพิเศษภายในบริเวณนอร์ดิกา ฮิลล์

6 พ.ค.
หลังมูร์ลี พี่หล้า- Br.Charlie ปลูกต้นไม้ เป็นอนุสรณ์ของการวางรากฐานของความเจริญรุ่งเรือง ด้วยเมล็ดของการเปลี่ยนแปลงตนเอง


อ่านบทสรุปสาระ
ขอบคุณแม่ปุ้ม ผู้เก็บเกี่ยวสาระของเพชรพลอยแห่งความรู้ทุกเม็ดจึงได้รับประโยชน์และให้ประโยชน์ในการแกะคลาสของ Br.Charlie ในวันที่ 4 พ.ค.
พลังของการชุมนุม Brother Charlie 4/5/25
ทำให้เรียนรู้ในการอยู่ร่วมกัน เพื่อสร้างโลกใหม่ที่สวยงาม Brother มาที่นอร์ดิก้าเป็นครั้งที่ 2 เล่าเรื่องของท่าน..
ท่านเริ่มเดินทางกับบาบาเมื่อปี 75 อายุ 22 ปี ได้ไปที่ศูนย์ที่ลอนดอนยังเล็กมากๆ พบกับดีดี้ซูเดสสอนบทเรียนให้ ตอนนั้นมีซิสเตอร์เพียง 3 ท่านเท่านั้นคือSr.แจนทีกับดาดี้แจงกี ¤ และเมื่อBrother ได้มาที่มธุบัน..ก็ยังเล็กมาก มีคนอยู่ประมาณ 30 คนเป็นชุมนุมเล็กมากๆ บาบาได้มาและให้มูร์ลี ได้พบกับบาบาด้วยดริสตีของท่าน..รู้สึกเหมือนแสงเลเซอร์ สแกนทุกอย่างในตัวเรา และตัวจริงของฉันได้ถูกปลุกให้ตื่นขึ้น ฉันได้รู้จักตนเองเป็นครั้งแรก บาบาได้ให้ของขวัญความเคารพตนเองอีกครั้งว่า..ฉันเป็นใคร ซึ่งตอนนั้นอยู่ในญาณได้ 2-3 เดือน
¤ บาบาได้ถามคำถาม Br.ว่าลูกมีชีพบาบาผู้เดียวไม่มีใครอื่นใช่หรือไม่และละครล่ะ? Brother ตอบว่าใช่! ฉันรู้สึกถึงพลังที่เหลือเชื่อมากๆเป็นบรรยากาศที่ได้อยู่ด้วยกัน เป็นของกันและกัน มีความจริงแท้มีความบริสุทธิ์มากๆ รู้สึกว่า..เราเป็นลูกที่จากหายไปนานมาเจอกัน
¤ อะไรเป็นความพิเศษของชุมนุม คือพลังงานของบรรยากาศที่ถูกสร้างขึ้นมา เวลาที่เราอยู่ในพลังงานของความรัก ความคิดที่บริสุทธิ์ เราได้สร้างบรรยากาศออกไปและหล่อเลี้ยงเรา ในชุมนุม..เป็นดวงวิญญาณที่พิเศษมากๆ ○ เมื่อยุคทอง..ในตอนเริ่มต้นขึ้นเมื่อ 5,000 ปีด้วยดวงวิญญาณ 9 แสน เรารู้สึกว่า..เป็นหนึ่งในนั้นไหม? บรรยากาศในโลกตอนนั้น ต้องพิเศษสุดมากๆ ในยุคทอง..ที่ลักษมี-นารายณ์เป็นเหมือนพ่อแม่ของทุกคนทั้งโลก เป็นครอบครัวใหญ่ เราก็เป็นสมาชิกของครอบครัวนั้น เป็นชุมนุมที่พิเศษสุดตลอดทั้งวงจร
(Click อ่านต่อ)

ขอบคุณสำหรับความรู้สึกที่สวยงามของน้อง Bowling ที่ใช้ทำClipไว้


© 2025 Brahma Kumaris Thailand. All rights reserved.