ความถ่อมตน


ความสำเร็จและความถ่อมตนนั้นเชื่อมโยงกัน ความถ่อมตนถือเป็นรากฐานของความสำเร็จที่แท้จริง ความถ่อมตนที่ทางโลกเข้าใจนั้น ไม่ว่าจะเป็นคำพูดหรือพฤติกรรมที่สุภาพอ่อนน้อม นั่นไม่ใช่ความถ่อมตนที่แท้จริงเลย เพราะความถ่อมตนที่แท้จริงกลับเป็นเรื่องทางจิตใจและเกี่ยวพันกับสภาพภายในมากกว่า

มีกับดักมากมายหลายอย่างที่ทำให้เราไกลห่างจากความถ่อมตนทางจิตวิญญาณ หนึ่งนั้นคือความหลงทะนงตน ซึ่งภายนอกดูเหมือนว่าจะอ่อนหวานและมีความอ่อนน้อม แต่ภายในไม่มีเลย เพราะความถ่อมตนคือการมีทัศนคติที่ยืดหยุ่นผ่อนปรนด้วยเจตนาที่จะเปลี่ยนแปลงตนเอง ตรงกันข้ามกับความหยิ่งยโสที่ทำให้เรายึดมั่นอยู่กับวิถีทางที่เชื่อว่าตัวเราถูกต้องและรอบรู้ทุกอย่าง ความหยิ่งยโสนี้เองที่อยู่เบื้องหลังกริยาท่าทางหรือมารยาทสังคมที่แสดงออกแต่ภายนอก ลักษณะที่จอมปลอมนี้ไม่ซื่อสัตย์และมักจะเป็นไปเพื่อจัดการให้ได้มาซึ่งประโยชน์ส่วนตน

การสรรเสริญเยินยอก็เป็นตัวอย่างของความถ่อมตนจอมปลอมด้วยเช่นกัน เราชอบที่จะวิ่งตามคนที่สรรเสริญเยินยอเราและแอบปฏิเสธคนที่กล่าวหาด่าทอเราหรือไม่ เวลามีคนสรรเสริญเรา เราจำเป็นต้องตรวจสอบภายในว่าเกิดอะไรขึ้น ยิ่งเรายอมรับคำสรรเสริญเยินยอมากเท่าไหร่ เราก็จะยิ่งมองไม่เห็นข้อบกพร่องของเรามากเท่านั้น อีกนัยหนึ่งก็คือ เราอาจใช้คำเยินยอนั้นปิดบังข้อบกพร่องอ่อนแอของตนเอง ซึ่งเป็นเรื่องง่ายที่จะจินตนาการว่าเราไม่มีข้อบกพร่องใดๆ ในทำนองเดียวกันเวลาที่เรายกย่องผู้อื่น เรามีแรงจูงใจอะไรที่ทำเช่นนั้น เราต้องการให้เขาชื่นชอบเราหรือไม่ หากเป็นเช่นนั้นก็ยิ่งเป็นเรื่องของความไม่จริงใจมากขึ้น

แท้จริงแล้วความถ่อมตนเป็นสภาพการตรวจสอบภายในที่แฝงตัว ราวกับว่าเรากลายเป็นสิ่งที่มองไม่เห็น จึงไม่จำเป็นต้องดึงความสนใจมาที่ตนเอง

กับดักอีกประการหนึ่งคือการใส่ใจกับสิ่งที่ผู้อื่นคิด เราจึงระมัดระวังสิ่งที่เราพูดและทำมากขึ้นจนในที่สุดกลายเป็นการหลบเลี่ยงความจริงเพื่อสร้างภาพพจน์ที่ดูดี บุคคลที่มีความถ่อมตนที่แท้จริงจะไม่ใส่ใจเลยกับสิ่งที่ผู้อื่นคิด แต่ต้องการที่จะสื่อสารกับสัจจะโดยตรวจสอบตนเองเพื่อเป็นอิสระจากกับดักทั้งปวง เป็นสภาพสัจจะภายในที่สมบูรณ์พร้อม

เมื่อความคิด ทัศนคติและสำนึกของเรามีความถ่อมตนอย่างแท้จริง คำพูดและการกระทำย่อมเป็นไปโดยธรรมชาติ ไม่มีการเสแสร้งปั้นแต่งกริยามารยาทให้สุภาพหรืออ่อนน้อมถ่อมตนที่ขาดความเคารพตนเอง ความถ่อมตนทำให้ชีวิตเรียบง่าย และคำพูดกับพฤติกรรมก็สะท้อนสิ่งดีงามภายในอย่างแท้จริง

ในการสร้างความถ่อมตนภายใน เราต้องหยุดมองผู้อื่น โดยเฉพาะข้อบกพร่องของเขาและเริ่มหันมาสนใจแก้ไขตนเอง ด้วยการมองดูตนเองในสถานภาพที่สูงส่งอย่างเช่นที่บาบา*มองดูเรา วิธีนี้จะทำให้เราเป็นอิสระจากความต้องการมีความสำคัญในสายตาผู้อื่น การคาดหวังในผู้อื่นและจากการคิดไร้สาระในทางลบ แต่กลับมีความรู้สึกอย่างแท้จริงที่จะเรียนรู้ เติบโตและเปลี่ยนแปลงตนเองในกระบวนการพัฒนาความสัมพันธ์ที่จริงใจกับทุกคน

หลายๆคนคิดว่าความอ่อนแอจะถูกลบเลือนไปโดยอัตโนมัติ ถ้าเราเพียงแต่พยายามเน้นย้ำการพัฒนาและให้พลังคุณธรรมของเรา อย่างไรก็ตามวิธีมุ่งมั่นเช่นนี้อาจเพิ่มความหลงทะนงในคุณธรรมของเราด้วยการหลบซ่อนข้อบกพร่องไว้เบื้องหลัง ทำให้ยากต่อการลบล้างออกไป หากเราจะปล่อยให้ข้อบกพร่องนั้นปรากฏแก่สายตาขณะที่มีคุณธรรมซ่อนอยู่ภายใน อย่างน้อยเราก็จะได้มีโอกาสทองที่จะลบข้อบกพร่องไปได้ในที่สุด แต่แล้วคนหลายคนก็ยังอยากให้ผู้อื่นเห็นแต่คุณธรรมความดีงามของตนเองเท่านั้น ปัญหาของการเพิกเฉยในการแก้ไขข้อบกพร่องจึงตามมา

จริงๆแล้วสิ่งที่จะขจัดข้อบกพร่องของเราได้ในที่สุดก็คือพลังความรักของพระผู้เป็นเจ้า และความถ่อมตนคือพลังที่จะทำให้เราสามารถดึงดูดความรักของพระเจ้า ตรงกันข้ามความหลงทะนงที่สร้างกำแพงขวางกั้นความรักนั้น เราจึงไม่สามารถสัมผัสความรักของพระเจ้าได้มากเท่าที่เราต้องการ

เมื่อพลังของคุณธรรมความถ่อมตนลึกล้ำยิ่งขึ้น คุณธรรมและพลังอื่นๆทั้งหมดก็จะเติบโตขึ้นมาในตัวเราด้วย ซึ่งสิ่งนี้ขึ้นอยู่กับการตรวจสอบตนเองและพลังสัจจะที่นำไปสู่การละวางด้วยความรักที่แท้จริง อันมีผลทำให้เกิดความสามารถที่จะดำรงชีวิตอยู่ในความสอดคล้องปรองดองกัน ถ้าปราศจากความถ่อมตน แม้แต่คนสองคนที่พยายามอยู่ด้วยกันก็ไม่อาจทำได้สำเร็จโดยไม่มีความขัดแย้งใดๆ แต่ถ้ามีพลังของความถ่อมตน แม้สองพันคนก็จะสามารถอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขได้


*บาบา คือ สิ่งสูงสุด พ่อสูงสุด ผู้ไม่มีตัวตน ผู้ให้มรดกทางจิตวิญญาณ นั้นคือความรู้ที่สมบูรณ์ของสัจจะ อันก่อให้เกิดคุณธรรมและพลังอำนาจในการปกครองชีวิตจิตใจตนเอง ให้มีความสงบสุขและความรักที่บริสุทธิ์ต่อมวลมนุษย์และสรรพสิ่ง
โอมชานติ

© 2024 Brahma Kumaris Thailand. All rights reserved.