พี่น้องครอบครัวบราห์มินจากประเทศไทย 30 คนได้มีโอกาสร่วมฉลองวันเกิดครบรอบ 100 ปี ของดาดี้แจงกี ผู้นำของบราห์มา กุมารี มหาวิทยาลัยทางจิตของโลก ณ ศูนย์กลางพื้นฟูชีวิตในเอเชีย (Asia Retreat Centre) กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย ระหว่างวันที่ 11 -14 กันยายน 2558


วันที่ 11 เราบินถึงกรุงกัวลาลัมเปอร์ ตรงเข้าที่พักของบราห์มา กุมารี Asia Retreat Centre ภายในเวลาไม่ถึง 1 ชั่วโมง

ความเป็นเพชรของดาดี้เป็นเหมือนแม่เหล็กที่ดึงดูด เราไปที่นั่น เพราะหลายคนตัดสินใจไปฉลอง 100 ปีของดาดี้ โดยเฉพาะน้องใหม่ เมื่อไปถึงที่นั่นรู้สึกอบอุ่นสวยงาม สะอาดสะอ้านเป็นการตอบรับด้วยความรักและความเป็นพี่น้อง ทุกระบบที่จัดเตรียมไว้ เหมือนที่มธุบัน ตั้งแต่ลงทะเบียน เข้าพักหรือภายในห้องพักที่ เรารู้สึกมีความสุข สดชื่น อบอุ่น โดยเฉพาะเช้าวันที่เราออกมาตั้งแถวต้อนรับดาดี้ทีด้าน หน้า อาคาร ทุกคนตื่นเต้น 3 วันที่นั่นได้รับประโยชน์และรับพลังจากดาดี้ ซีเนียร์ และพี่น้องทุกคนได้เรียนรู้ในการอยู่ร่วมกัน ขอบคุณบาบา ขอบคุณละคร (พี่ศรี)

วันที่ 12 เราต้อนรับ ดาดี้ ซึ่งบินมาจากสิงค์โปร์หลังจัดรายการให้ประชาชน 1,000 กว่าคน

สิงค์โปร์

มาเลเซีย
Beyond words เหนือคำพูดใดๆ สำหรับผู้มีหัวใจเพชร
Understanding God
ดาดี้ แจงกี ทำให้ทั้งโลกเข้าใจ 'พระเจ้า' ด้วยพลังสัจจะที่เรียบง่ายและลึกล้ำ ซึ่งนำไปสู่ 'ความเป็นเพชร' จากแรงอัดของความกดดันและความร้อนที่สามารถละลายมลทินจนถึงที่สุด

ฉันเคยได้ยินเรื่องราวที่ใครๆ ต่างก็พูดกันว่าพวกเขารักดาดี้ และนี่เป็นสิ่งที่เชิญชวนให้ฉันอยากรู้จักกับดาดี้ ไม่ใช่เพียงแค่การรู้จักเครื่องมือที่ยิ่งใหญ่ แต่เป็นเพราะฉันอยากสัมผัสความรักของบาบาผ่านดาดี้ด้วยเช่นกัน ฉันสัมผัสได้ถึงสายตาที่มีพลังแม้จะอยู่ในร่างกายที่ไม่แข็งแรงก็ตาม หัวใจของฉันเป็นสุขในการรับฟังเรื่องของบาบาและความรู้ ดาดี้เป็นตัวอย่างของความสำเร็จทุกรูปแบบ เป็นตัวของความรักและความรู้ เป็นโยคีที่ง่ายดาย เป็นธรรมชาติ สูงส่ง ท่านให้ความใส่ใจในการเติมเต็มพวกเราอย่างมาก ฉันมองเห็นบาบาผ่านดาดี้ ราวกับท่านเป็นกระจกสะท้อนบาบา, สะท้อนให้เห็นความสูงส่งของดาดี้ และสะท้อนให้เห็นว่าตัวฉันเองเป็นอย่างไรในเวลานี้ และฉันควรจะเป็นเช่นไรในอนาคต...ฉันอยากเป็นภาพลักษณ์ที่เปิดเผยบาบาเช่นดาดี้ ฉันขอเป็นอีกคนหนึ่งที่จะพูดว่าฉันรักดาดี้ (B.K.Pui)
คลิกอ่านประสบการณ์ของ
พี่เอ๋
พี่นุ้ก
พี่เก๋

ในรายการแสดงของแต่ละประเทศ ซิสเตอร์หล้าได้มอบแหวนเพชรใหญ่ที่สุดในโลก (พวงกุญแจแก้วเจียรนัยรูปแหวนเพชร) ให้ดาดี้แจงกี ในฐานะบรรพบุรุษโลก เพื่อขอบคุณในการนำทางเรากลับคืนสู่ต้นกำเนิดของการกราบไหว้บูชาที่เต็มไปด้วยความรักและศรัทธาต่อพระเจ้า โดยไม่มีอะไรเจือปน เริ่มต้นด้วยการใช้เพชรที่ใหญ่ที่สุดในโลก แกะสลักเป็นรูปไข่แทนสัญลักษณ์ของพระเจ้า ผู้ไม่มีตัวตน เป็นจุดกำเนิดของแสงสีแดงทองที่กระจายรัศมีออกมาเป็นรูปไข่วงรี ที่เรียกว่้า ศิวลิงกัม (ศิวะผู้มีรูปไข่) ซึ่งปรากฏอยู่ในวัดแรกของโลก คือวัดโสมนาถ แปลว่า เจ้าแห่งน้ำทิพย์ ผู้ให้คุณประโยชน์แก่มวลมนุษย์ ด้วยพลานุภาพอันยิ่งใหญ่ ในการให้การหลุดพ้น และการหลุดพ้นในชีวิต ก่อนการเปลี่ยนแปลงโลก ตามวงจรเวลา ท่านปลุกเรียกดวงวิญญาณบรรพบุรุษโลก ที่เคยเป็นเทพ ผู้เคยมีค่าต่อการกราบไหว้บูชา ให้ตื่นรู้ เพื่อเปลี่ยนแปลงตนเองและกลับคืนสู่ความบริสุทธิ์สมบูรณ์ เป็นการเตรียมตัวกลับบ้าน ดินแดนแห่งความสงบที่แสนหวาน(ดินแดนนิพพาน) และกลับไปสู่อาณาจักรที่แสนหวานในยุคแรกแห่งสัจจะ

กระบวนการเปลี่ยนแปลงทางจิตวิญญาณได้เริ่มขึ้นในปี ค.ศ. 1936 โดยประชาบิดาบราห์มา ผู้ก่อตั้งบราห์มา กุมารี มหาวิทยาลัยทางจิตของโลก ปัจจุบัน ดาดี้แจงกี ทำหน้าที่ผู้นำในการกระทำและคุณธรรมที่สูงส่ง โดยมีผู้นำทางจิตวิญญาณจากทุกศาสตร์ ทุกศาสนา ในแต่ละอารยธรรม ร่วมฉลองความเป็นเพชรตามบทบาทและความสามารถในการเปลี่ยนแปลงตนเอง จนกระทั่งเวลาสุดท้าย...

การแสดงจากประเทศไทยได้ให้ความสำคัญแก่ช้าง สัตว์ประจำชาติ ด้วยการเชิญธงไทยสมัยช้างเผือก และกล่าวถึงผู้นำด้านจิตวิญญาณ เรียกว่ามหารตีผู้ขี่ช้างนำทัพ บ่งชี้ถึงความสุขุม รอบคอบ หนักแน่น มั่นคง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการสร้างความเป็นหนึ่งเดียวกัน ด้วยความพอใจของทุกฝ่าย เราเปิดการแสดงด้วยการรำ จาก 4 ภาค เหนือ-กลาง-อิสาน-ใต้ แล้วมารวมกันเพื่อเต้นท่าช้าง (Elephant Dance) กับชาวอินเดีย

ทุกทวีปทั่วโลกมีการฉลองครบรอบ 100 ปี ของดาดี้แจงกี โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ณ สำนักงานใหญ่มธุบาน มีการแสดงของซีเนียร์บราเตอร์ที่อยู่ใกล้ชิดดาดี้มากว่า 35 ปี บราเตอร์โยเกช ผู้ประสานงานประเทศเตอร์กี ได้ยกตัวอย่างวิธีการสอนของดาดี้ ซึ่งแต่ละคนมีประสบการณ์ต่างกันไป ขึ้นอยู่ที่ความสามารถในการเชื่อมโยงกับสิ่งสูงสุดด้วยพลังโยคะ ขณะที่รักษาความสงบ-เงียบภายใน ด้วยการสำรวจตรวจสอบตนเอง
ผู้เปลี่ยนแปลงที่มีคุณภาพ

การศึกษาคือการเปลี่ยนแปลง จนกระทั่งบรรลุเป้าหมายในการกลับมาบริสุทธิ์สมบูรณ์ ดังนั้น การเอาชนะประสาทสัมผัสทั้ง 5 หรือการเอาชนะกิเลสทั้ง 5 ขึ้นอยู่กับคุณภาพในการเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ที่เป็นลบ ให้กลายเป็นบางสิ่งที่ให้คุณประโยชน์แก่ตนเองและผู้อื่น ผู้เปลี่ยนแปลงที่มีคุณภาพ คือผู้ที่สามารถเปลี่ยนกำแพงของแรงต้านให้เป็นสะพานของความเข้าใจ และข้ามพ้นอุปสรรค์ต่างๆไปใด่ ทำเรื่องใหญ่ให้เป็นเรื่องเล็ก ทำให้ความสงสัยของมังกรที่เป็นอัมพาต กลายเป็นชีวิตที่เต็มไปด้วยความมั่นใจในตนเอง และทำให้ความคิดว่าเป็นไปไม่ได้ หายไปจากจิตใจ
ผู้เปลี่ยนแปลงที่มีคุณภาพ ย่อมล่วงรู้ถึงการปฎิสัมพันธ์ของมนุษย์ ที่ขึ้นอยู่กับคลื่นใต้น้ำของชีวิต ในรูปของทัศนคติ ความคิด และความรู้สึก
ถ้าภายในจิตใจแผ่ซ่านไปด้วย มีความไม่พอใจ ความโกรธ ความเห็นแก่ตัว แม้จะแสดงออกภายนอกด้วยความสุภาพ ความร่วมมือที่มาจากเปลือกหุ้มของขนบธรรมเนียมประเพณี พิธีกรรมปลอมๆ ในที่สุดจะทำให้ เกิดความเดือดร้อน เสียหาย และเสียความสัมพันธ์
ตรงกันข้าม เมื่อคลื่นใต้น้ำนั้นดีมีความเป็นบวกในการดำรงชีวิต โดยไม่ติดอยู่กับคำพูด การกระทำ หรือบทบาท แต่อยู่ที่ความคิดและกิจกรรมที่มีผลต่อการฝึกจิต สร้างความมั่นใจ ให้ชีวิตมีความสามารถสร้างสรรค์ โดยมีความสงบ-เงียบ เป็นพลังหลักในการขับเคลื่อน กระบวนการเปลี่ยนแปลง

ราชาโยคะ และชัยชนะเหนือประสาทสัมผัส

ประสาทสัมผัสทั้ง 5





การเข้าถึงแก่นแท้
การฝึกจิตคือความพยายามที่จะพบตัวตนที่แท้จริงที่มีเอกลักษณ์ของ ‘ฉันคือใคร’ เมื่อได้ตระหนักรู้ ก็จะเติมเต็มตนเองและกำหนดทิศทางชีวิตของตน สิ่งนี้เรียกว่าจิตสำนึกของ ‘ฉันเป็น’ ที่ออกมาจากภาวะของการฝึกจิต เมื่อมีการจดจ่ออยู่กับปัจจุบัน ว่า ‘ฉันเป็นอะไร’ แทนที่จะอยู่กับอดีตหรืออนาคตว่า ‘ฉันเคยเป็น’ หรือ ‘ฉันจะเป็นอะไร’

การเตือนตนเองถึงสภาวะนั้น เราใช้คำว่า “โอม” หมายความว่า “ฉันคือดวงวิญญาณ” เอกลักษณ์ทางจิตที่เป็นเหมือนกุญแจที่ไขไปสู่จิตสำนึกของมนุษย์ เมื่อเราพบตัวตนที่แท้จริง เราจะมีสำนึกรู้ถึงวิธีคิดและวิธีเป็นของตัวตนปลอมๆที่ได้เกาะกุมชีวิตเรามายาวนาน เมื่อเราเข้าใจตัวตนที่ล่อลวง(ได้ถึงขนาดนี้?) เราจะเริ่มขบวนการที่จะปลดแอกผลกระทบในทางลบที่มีต่อตนเอง ตัวตนที่ล่อลวงเกิดมาจากความอยากปรารถนา ซึ่งแม้จะได้รับการตอบสนอง ก็ไม่ได้เพิ่มคุณค่าชีวิตหรือไม่ได้คิดรู้ค่าตนเอง ความเป็นจริงแล้ว กลับเป็นขบวนการที่เกิดในทางตรงกันข้าม

ขอให้เราตรวจสอบดูว่าสิ่งล่อลวงทั้งหลายทำให้เรามีคุณค่าที่ผิดๆในชีวิตอย่างไร
สิ่งหลอกลวง ความคิด ผล
ความหลงทะนง ฉันรู้
ฉันเป็น
หยิ่งยะโส,ไม่ยืดหยุ่น
ควบคุมบังคับผู้อื่น
ความโกรธ ฉันคาดหวัง บีบบังคับ,ก้าวร้าว
ความผูกพันยึดมั่น ฉันเป็นเจ้าของ
สิ่งนี้เป็นของฉัน
ไม่มั่นคง,ครอบครอง
เป็นเจ้าของ,อิจฉาริษยา
ความละโมบ ฉันต้องการ
ฉันอยากได้
ว่างเปล่า,อยาก,ต้องการ
ไม่สมหวัง
ตัณหาราคะ ฉันมีความอยากมาก,
ฉันมุ่งมาดปรารถนา
กอบโกยประโยชน์ส่วนตน,
ใช้อะไรในทางที่ผิด,
พึ่งพิงทางอารมณ์
ไฟของกิเลสทั้งห้านั้นเผาไหม้คุณภาพชีวิตของมนุษย์ ทำให้ควบคุมอารมณ์ไม่ได้ สภาวะดั้งเดิมที่บริสุทธิ์ของแต่ละคน ที่เคยให้ความสุข ความสงบ เวลานี้เหลือเพียงความว่างเปล่า และความทุกข์ การฝึกจิตแบบราชาโยคะ มีโรคภัยทั้ง 5 ของดวงวิญญาณที่เรียกว่าเป็นมายา หมายถึงความหลอกลวง เริ่มจากการหลอกลวงตนเองที่จะหาความสุขด้วยวิธีผิดๆ ดวงวิญญาณมนุษย์สามารถทำตามหนทางที่หลอกลวงเหล่านี้ หรือเลือกวิถีชีวิตที่เป็นบวกและเติมเต็มได้ง่ายมากขึ้น ทางเลือกนั้นขึ้นอยู่กับการตระหนักรู้ถึงโรคภัยทั้ง 5 ของตนเองที่มีทายาทตามมา และแล้วเราจึงจะได้เปลี่ยนแปลงได้

เมื่อมีการตระหนักถึงความอ่อนแอ เราจะต้องใช้ยาอะไรหรือที่จะนำดวงวิญญาณกลับคืนสู่สภาพของการมีพลานามัยดี?

การเอาชนะความหลงทะนงเราต้องมีความถ่อมตนและความซื่อสัตย์ เราต้องมีความกล้าหาญที่จะมองดูตนเองอย่างซื่อสัตย์และรู้ว่าลักษณะของการคิดว่า “ฉันรู้” “ฉันควบคุม” นี้คงมีอยู่และต้องถูกขจัดออกไป เมื่อมีสัจจะและความสุข เราจำเป็นต้องจดจำภาวะดั้งเดิมว่า ‘ฉันคือใคร’ ที่เรียกว่า จิตสำนึกของ “โอมชานติ”

ฉันคือความสงบ,ผู้มีชีวิตทางจิต,นี่คือเอกลักษณ์ที่แท้จริงของฉัน

ในการที่จะดับความโกรธเราต้องใช้อะไร ความสงบและความสงบเงียบ ที่จะเข้าใจว่าความสงบคือสภาพดั้งเดิมของชีวิตที่จะจดจำว่าฉันคือผู้ที่สงบ หมายถึงการทำให้จิตสำนึกของความไม่รุนแรงก้าวร้าวปรากฏขึ้นมา ความสงบเงียบคือการเรียนรู้ที่จะใช้เบรคให้กับจิตใจและลิ้น ช่วยเราให้คิดก่อนที่พูด ผลตามมา ทำให้เราปลอดภัยจากการต้องเผชิญหน้ากับใครหรืออะไรในภาวะนั้น

การเอาชนะความผูกพันยึดมั่น จำเป็นต้องอาศัยการละวาง นั่นคือ ช่องว่างระหว่างตัวเองกับอารมณ์ที่รุนแรงของความอยากปรารถนา และช่องว่างระหว่างตนเองและผู้อื่น เราจำเป็นต้องมีพื้นที่ของความเคารพ ที่จะเข้าใจว่าความก้าวหน้าหรือ การค้นพบตัวตนที่แท้จริงนั้นเกิดจากอิสรภาพภายใน โดยไม่ขึ้นอยู่กับใคร และแล้วเราจะมีประสบการณ์ของการเป็นไทไม่พึ่งพิง นั่นคือ ความปราณี ความรัก และการโอบอุ้มผู้อื่น แต่อยู่เหนือการพึ่งพิงใดๆในเวลาเดียวกัน

การเติมช่องว่างที่เกิดมาจากความละโมบ ดวงวิญญาณต้องเข้าใจพลังของความใจกว้างที่แท้จริง การกระทำที่เอาแต่ได้ เป็นโรคภัยของความอยากที่เห็นแก่ตัวและกลายเป็นนิสัยที่ดวงวิญญาณคิดว่าปกติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในความสัมพันธ์กับผู้อื่น แม้จะกลายเป็นเรื่องธรรมดาแต่ก็ไม่เป็นธรรมชาติ ข้อพิสูจน์ของสิ่งนี้ คือ ความเจ็บปวด ความทุกข์ ความไม่พอใจที่ผู้คนส่วนใหญ่มีประสบการณ์ในชีวิต

ความใจกว้างหมายถึงการให้แก่ตนเอง โดยตระหนักรู้ในคุณสมบัติดั้งเดิมทางจิตวิญญาณของตน นำออกมา แบ่งปันกับผู้อื่นอย่างเป็นธรรมชาติ

การขจัดไฟของตัณหาราคะ ดวงวิญญาณต้องใช้ยาของความเคารพ ที่ใดมีความเคารพที่จริงใจสำหรับผู้อื่น ที่นั่นจะไม่ทำให้เสียอารมณ์ ด้วยความเคารพ ความสมดุลและความสอดคล้องกลมกลืนจะทำให้ประสาทสัมผัสและวิญญาณเยือกเย็นลง เป็นการดูแลเอาใจใส่ที่ทำให้เราเห็นใจผู้อื่นจริงๆ ความรู้สึกกับการคงอยู่ของผู้อื่นว่าเขาเป็นอย่างไร ในภาวะที่เป็นไทกับตนและเป็นผู้ที่มีค่า ไม่ใช่เป็นการใช้ในทางที่ผิดทั้งด้านอารมณ์ หรือทางด้านร่างกายด้วยการเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตนเป็นที่ตั้ง

ราชาโยคะหมายถึงเป็นราชาในตนเอง

ด้วยการเอาชนะตนเองเช่นนี้ ที่เราสามารถตระหนักได้ แล้วใช้ทรัพยากรหรือยาที่เป็นอมตะ บ่อยครั้งที่เราไม่สามารถเปิดล็อคได้และตระหนักรู้ว่ายาจากภายในและการเชื่อมโยงกับแหล่งแห่งพลังงานสูงสุด นั้นคือสิ่งที่จำเป็นการฝึกจิตคือการเชื่อมโยงกับพระเจ้า เพื่อนำพลังงานบวกในตนเองออกมาใช้
(จากหนังสือบราเตอร์แอนโทนี่ อดีตผู้ประสานงานประเทศกรีก แม้ได้ละร่างไป แต่ประสบการณ์ชีวิตกลายเป็นอมตะด้วยพลังโยคะ)
โอม ชานติ

© 2024 Brahma Kumaris Thailand. All rights reserved.