วันนี้มีโอกาสเอาใจใส่ดูแลผู้อื่นหรือไม่? ได้ถามใครหรือไม่ว่า 'สบายดีมั้ย'? ได้แบ่งปันสิ่งดีๆกับใครบ้างมั้ย?

ฉันมีชีวิตอยู่เพื่อเป้าหมายนี้เท่านั้น หากฉันต้องใส่ใจ(Care) ฉันต้องทิ้งธรรมชาติที่ไม่ระมัดระวัง(Carelessness)โดยไม่ปล่อยให้เสียเวลาไปกับการซุบซิบนินทา แต่แบ่งปันสิ่งที่ดีงาม นั่นคือ เพชรพลอยแห่งความรู้ที่เป็นสัจจะเพื่อเอาชนะความอ่อนแอ และแบ่งปันประสบการณ์ที่ดีในชีวิต

จงจดจำ...อย่าเพียงรอให้ใครเปลี่ยน 'ฉันต้องเปลี่ยนวันนี้' ถ้าฉันทำได้ ฉันจะดลใจให้ผู้อื่นเปลี่ยนสิ่งเก่าๆที่ไม่ดีได้ ...การที่จะเปลี่ยนแปลงตนเอง ฉันจำเป็นต้องเข้าไปสู่ความนิ่งเงียบ ด้วยความปรารถนาและความคิดที่จะเปลี่ยนแปลงตนเองอย่างสม่ำเสมอ

จงเฝ้าแต่ดลใจผู้อื่นด้วยจิตใจ ในความคิดและการกระทำ มีความเมตตาในทัศนคติ มีความกรุณาปราณีในธรรมชาติ อย่าได้ทำผิด ด้วยการเห็นหรือรับฟังสิ่งที่ไม่ดี หรือสิ่งที่เป็นการประณามผู้อื่น เมื่อจิตใจนั้นสะอาด ร่างกายก็จะมีพลานามัยที่ดี

ผู้มีหัวใจจริง จะฝึกฝนสิ่งที่สัมผัสได้ด้วยหัวใจ เพียงทำให้สติปัญญาเยือกเย็น และหัวใจนั้นจริงแท้
 
ในวันศุกร์ที่ 17 พฤษภาคม 2556 ที่ผ่านมา มูลนิธิ บราห์มา กุมารี ราชาโยคะ ได้จัดรายการ 'เอาใจใส่ แบ่งปัน และดลใจ' ณ โรงเรียนวชิรวิทย์ จ.เชียงใหม่

อาจารย์สิริกร ว่องตระกูล ที่ปรึกษาฝ่ายอนุบาล ได้กรุณาแบ่งปันประสบการณ์ ระหว่างปิดภาคฤดูร้อน... "เป็นช่วงที่เรากำลังปฏิบัติกิจกรรมตามโครงการพัฒนาบุคลากร เราจัดอบรมเทคนิคอนุบาล ปฏิบัติการการผลิตและการใช้สื่อ เราจัดกิจกรรมพัฒนาภาษาอังกฤษ แต่คุณธรรมของครูอนุบาลล่ะ เรากำลังคิดจะวางแผนอยู่ ช่างพอดีอะไรเช่นนั้น จู่จู่เสียงโทรศัพท์ทักทายจากผู้ที่เคยเคารพนับถือกันมานาน ดร.กาญจนา ชื่นพิชัย โทรมาชวนว่าอบรมคุณธรรมมั้ย ท่านเล่าว่าเป็นอะไรอย่างไร เราตอบตกลงขอขอบคุณยิ่ง

พอดีเรื่องที่สอง คือ คุณเพ็ญสุข ตันตรานนท์ ผู้ใหญ่ที่เคารพนับถือของโรงเรียน ท่านเป็นเพื่อนกับอาจารย์สไบทิพย์ ศิริรัตน์ธำรงค์ ประธานกรรมการของมูลนิธิบราห์มา กุมารี ราชาโยคะ จากบราห์มา กุมารี มหาวิทยาลัยทางจิตของโลกซึ่งเดินทางกลับมาเยี่ยมบ้านที่เชียงใหม่" อาจารย์สิริกรได้สรุปเนื้อหาการอบรมครั้งนี้ไว้

"การเปลี่ยนทัศนคติของสำนึกที่เป็นดวงวิญญาณจากสำนึกที่เป็นร่างกายภายนอกทำให้เกิดดอกผลแก่ชีวิตในการสร้างคุณธรรมความดีของครูอนุบาลวชิรวิทย์ถือว่าเป็นพื้นฐานที่วิเศษสุด

คุณครูเกิดการเรียนรู้คุณค่าของความสงบ ความมีสัจจะ การคิดบวก อันเป็นพลังที่สามารถนำไปใช้กับบทบาทหน้าที่ เช่นกับเด็กๆ กับเพื่อนๆ กับผู้บริหาร กับครอบครัว กับผู้ปกครองเด็กและกับชุมชน ความแตกต่างมีบ้าง เช่น จุดเริ่มต้นและจุดจบ ความมีตัวตนหรือไม่มีขีดจำกัด และพลังงานที่บริสุทธิ์

โดยสรุปแล้วสิ่งที่ได้รับจากการอบรมครั้งนี้มีมากมาย อาทิเช่นการรู้จักตนเองทำให้เกิดความเชื่อมั่นสูงขึ้น ความสงบนิ่งที่นานขึ้นทำให้เกิดปัญญา กระบวนการกลุ่ม การแบ่งปัน การรอคอย การเรียงลำดับอันเป็นเมล็ดคุณธรรมที่สำคัญที่สุดในการเพาะหว่านในเด็กอนุบาล เพื่อเติบโตเป็นต้นไม้แห่งทัศนคติของสำนึกที่เป็นดวงวิญญาณต่อไปในอนาคต

ที่สำคัญที่สุดคือได้รู้จักกับบราห์มา กุมารี มหาวิทยาลัยทางจิตของโลกจากมูลนิธิ บราห์มา กุมารี ราชา โยคะในประเทศไทย ขอขอบคุณอาจารย์สไบทิพย์ ศิริรัตน์ธำรงค์ เป็นอย่างสูงไว้ ณ ที่นี้ ขอบคุณอาจารย์ กุลวดี เกียรติไชยากรผู้อำนวยการโรงเรียนวชิรวิทย์ ฝ่ายประถม ที่สนับสนุนการจัดอบรมในครั้งนี้"



ในวันนั้น น้องฝนได้ร่วมบรรยาย และขยายความภายหลัง ด้วยทัศนคติของการเรียนรู้ร่วมกัน

"ฝนเชื่อว่าแทบทุกคนต่างผ่านการใช้ชีวิตนักเรียนมาทั้งนั้น... แต่คงไม่ใช่ทุกคนที่จะได้เล่นบทบาทที่ล้ำค่าของการเป็นครู… ในทางโลก ครูที่ดี คือผู้ที่มีความรู้ความสามารถ และถ่ายทอดคำสอนนั้นๆให้นักเรียนได้เป็นอย่างดี จนนักเรียนประสบความสำเร็จในการทำงานหรือการใช้ชีวิตทางโลก

แต่ในทางจิตวิญญาณ แล้ว เราได้พบความหมายที่ลึกซึ้งของคำว่า 'ครูที่ดีที่สุด' ว่าหมายถึง บุคคลที่เป็นครูของตนเองและเป็นนักเรียนที่ดีด้วยในเวลาเดียวกัน อีกนัยหนึ่งหมายถึง ผู้ที่ใช้ความรู้ด้วยตนเองแล้วนำไปสู่การปฏิบัติ จนกลายเป็นแรงบันดาลใจแก่ผู้อื่นได้ เป็นผู้ที่ใส่ใจเรียนรู้อยู่ตลอดเวลา หน้าที่ของครูที่ดีที่สุดไม่ใช่แค่การสอนความรู้ แต่เป็นภาพลักษณ์ของประสบการณ์ และเป็นผู้ที่ใส่ใจ ดูแล และให้แรงดลใจแก่ผู้อยู่รอบข้างๆเสมอ

กระบวนการเรียนรู้ของดวงวิญญาณมนุษย์นั้นแท้จริง ไม่มีที่สิ้นสุด ไม่ใช่เพียงแต่เกิดขึ้น-จบลงเพียง 1 ชาติเกิด แม้ว่าร่างกายจะเกิดและตาย จึงทำให้ดวงวิญญาณเมื่อรับร่างใหม่ก็ต้องเริ่มเรียนรู้ใหม่ แต่ในความเป็นจริง ความรู้ที่มีมาไม่ได้หายไปไหน แต่มีการสะสมประสบการณ์นั้นไว้อย่างต่อเนื่องในดวงวิญญาณ และน้อยคนนักที่จะสามารถนำศักยภาพที่เก็บไว้มาใช้ได้ นั่นเป็นเพราะการหลงลืมตนเอง ว่าเป็นดวงวิญญาณที่มีความรู้อยู่ภายในและไม่สามารถลบเลือนได้

เหตุใด เด็กอายุ 3 ขวบ บางคน สามารถเล่นเปียโนได้โดยไม่มีใครสอน นั่นก็เป็นเพราะมีพลังของการดึงความสามารถที่เคยสะสมในอดีตชาติที่เป็นนักเปียโนที่มีชื่อเสียงมาใช้ในชาติปัจจุบันของตน เราเคยคิดถึงประเด็นเหล่านี้บางไหม

แท้จริงแล้ว ความรู้และการสอนนั้นอยู่คู่กัน แต่ทุกวันนี้จะเห็นได้ว่า เด็กบางคนสอนยาก หรือไม่ยอมแก้ไขนิสัยไม่ดีของตน แม้ครูสอนด้วยการให้ความรู้อย่างดี แต่ทำไมเด็กไม่เข้าใจ หรือยังทำผิดต่อไป นั่นเป็นเพราะว่า คำสอนของเราอาจจะเป็นคำพูดที่ดี แต่อาจจะไม่ได้มีพลังเพียงพอที่จะเปลี่ยนทัศนคติของเขาได้ แม้จะเป็นสิ่งที่ดีมาก แต่วันหนึ่งเขาอาจจะลืมได้หากไม่นำไปใช้ ดังนั้นการสอนด้วยทัศนคติที่มีฐานมาจาก การเอาใจใส่ แบ่งปันและดลใจ (Care Share & Inspire) จะคงอยู่กับเขาไปตลอด เพราะสิ่งที่เขาได้รับจากเราไปไม่ใช่แค่คำสอนที่ดี แต่เป็นความปรารถนาดีและความรู้สึกที่บริสุทธิ์ของเราเป็นเช่นพรศักดิ์สิทธิ์ที่ทำให้เขาก็สามารถเปลี่ยนแปลงตนเองหรือทำตามได้อย่างง่ายดาย

 
ดังนั้น 3 คำนี้จึงมีความสำคัญมากสำหรับกระบวนการของการเรียนรู้และเปลี่ยนแปลงของดวงวิญญาณมนุษย์ทั้งหมด เมื่อครู เอาใจใส่นักเรียนด้วยความรักเช่นคนในครอบครัว แบ่งปันเพชรพลอยของความรู้ที่มีค่าและ เป็นตัวอย่างที่ดลใจให้นักเรียนทำตาม นี่จึงเป็นภาพลักษณ์ที่สูงส่งของการเป็นครูที่ดีที่สุด

กิจกรรมที่เรานำมาทำ ณ โรงเรียนวชิรวิทย์ คือ การทำนายคุณธรรม เปรียบเสมือนแผนที่ชีวิตที่คุณครูแต่ละท่านสามารถเลือกทางเดินที่งดงามตามวิถีของตน เพื่อไปถึงเป้าหมายของความสมบูรณ์พร้อมของตนเอง และเป็นแรงบันดาลใจให้นักเรียนด้วย

นอกจากนี้เราได้เสนอประเด็นความรู้เกี่ยวกับตัวตนที่แท้จริง ว่าเป็นดวงวิญญาณ มาให้คุณครูเข้าใจ เพื่อมีผลพัฒนาทั้ง ตนเอง นักเรียนและโรงเรียนอย่างไม่มีขีดจำกัด เพราะเมื่อมีความเข้าใจทางจิตวิญญาณมากขึ้น ทัศนคติของเรา จะไม่มองดูเด็กเล็กๆว่า เขายังไม่มีความรู้ใดๆในตนเอง เราต้องสอนเขาใหม่ทั้งหมด ... แต่เราจะมองด้วยตาแห่งปัญญาว่า ในร่างกายเล็กๆนี้ มีดวงวิญญาณที่เก็บสะสมประสบการณ์ที่ติดตัวมาชาติแล้วชาติเล่า เขาคือดวงวิญญาณดั้งเดิมเพียงแต่ใช้ร่างกายใหม่ที่เป็นเด็กเท่านั้น ดังนั้นพร้อมกันกับการสอนความรู้ เราควรเป็นภาพลักษณ์ของแรงดลใจให้เขาด้วย เพื่อว่าเขาจะค้นพบความสามารถภายในและคุณธรรมที่พิเศษเฉพาะตนของเขาเอง เพราะสัจธรรมของชีวิตก็คือ เราไม่ได้เรียนรู้อะไรใหม่เลย เราเพียงเรียนรู้สิ่งที่เราลืมไปเท่านั้น...

เพียงแต่หยุดที่จะใช้สำนึกของการเป็นร่างกายที่เห็นและตัดสินผู้คนภายนอกอย่างผิวเผินด้วยการใช้ตาทั้ง 2 แต่จงกลับมามีสำนึกของการเป็นดวงวิญญาณ และใช้ดวงตาที่สามของความรู้ เราจึงจะไขกุญแจเข้าไปเพื่อพบคลังสมบัติที่มีค่าของตนเองและให้กุญแจนี้กับผู้อื่นที่จะเข้าถึงคลังสมบัติของเขาได้ในที่สุด"

ช่วงหลังสุด เราใช้ผ้าสีฟ้าแนะนำโครงการ 'เลือกทางที่สงบ' Choose to be calm ซึ่งเป็นวันแรกที่เปิดหน้า website ใหม่ (calm.shantitree.net) ขณะที่ส่งข้อมูล (upload) ขึ้น server เราจึงทำกิจกรรมกลุ่มตามคุณค่า 16 ประการของโครงการ ทุกคนได้เสนอข้อคิดและสาระของกลุ่ม

หน้า website ของโครงการ เลือกทางที่สงบ

 

 

 

© 2024 Brahma Kumaris Thailand. All rights reserved.